简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เทรดตามแนวโน้ม vs. เทรดสวนแนวโน้ม เทรดแบบไหนกำไรดีมากกว่ากัน?
วันนี้แอดเหยี่ยวจะมาไขข้อสงสัยกลยุทธ์การเทรด ระหว่างการเทรดตามแนวโน้ม และการเทรดสวนแนวโน้ม แบบไหนที่จะสามารถสร้างผลกำไรมากกว่ากัน รวมไปถึงทำความเข้าใจกลยุทธ์การเทรดของทั้ง 2 แบบให้มากขึ้นอีกด้วยครับ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย
การเทรดตามแนวโน้ม
คือความพยายามที่จะทำกำไร โดยการวิเคราะห์โมเมนตัมของสินทรัพย์ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เมื่อราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียว เช่น ขึ้นหรือลง เทรดเดอร์ตามแนวโน้มจะเข้าซื้อเมื่อสินทรัพย์ มีแนวโน้มสูงขึ้น จุดต่ำสุดของการแกว่งตัวที่สูงขึ้น และจุดสูงสุดของการแกว่งตัวที่สูงขึ้นบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น ในทำนองเดียวกัน เทรดเดอร์ตามแนวโน้มสามารถเข้าขายได้เมื่อราคาสินทรัพย์เคลื่อนตัวลง จุดต่ำสุดของการแกว่งตัวที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดของการแกว่งตัวที่สูงขึ้น บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง
.
กลยุทธ์การซื้อขายตามแนวโน้มถือว่าสินทรัพย์จะยังคงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มที่ดำเนินอยู่ มักจะมีการกำหนดจุด Take Profit หรือ Stop Loss เพื่อล็อกกำไรหรือหลีกเลี่ยงการขาดทุนจำนวนมากในกรณีที่แนวโน้มกลับตัว มักจะใช้ในเทรดเดอร์ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
.
ส่วนใหญ่สามารถระบุแนวโน้มปัจจุบันได้ ความยุ่งยากของพาร์ตนี้ก็คือการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร จากตัวอย่าง แนวโน้มขาขึ้นกันต่อเลย การเทรดตามแนวโน้มหมายความว่าคุณจะเข้าซื้อที่แนวรับหรือแนวต้านที่ถูกทำลาย ในกรณีแรก คุณจะใช้เครื่องมือ เช่น เส้นแนวโน้มและ Fibonacci retracement ในกรณีที่สอง คุณสามารถใช้รูปแบบของกราฟที่ต่อเนื่อง เช่น สามเหลี่ยม ธง และลิ่ม
ขอบคุณรูปจาก Fbs
เทรดเดอร์บางรายจะเข้าซื้อที่จุดที่ 1 (เส้นแนวรับและระดับ Fibonacci retracement) หรือจุดที่ 2 (การพุ่งทะลุของรูปแบบ “ธง”) เทรดเดอร์บางรายจะรอให้ถึงจุดที่ 3 (การพุ่งทะลุเหนือระดับสูงสุดก่อนหน้า) แน่นอนว่า ยิ่งคุณซื้อที่ราคาถูกมากเท่าไร คุณก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น
Take profit
คุณสามารถกำหนดเป้าหมายกำไรของคุณที่จุดสูงสุดก่อนหน้าของแนวโน้มขาขึ้น (จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง) หรือแม้แต่ระดับที่สูงกว่านั้นหากคุณมั่นใจในการซื้อขายของคุณมาก ๆ
Stop Loss
ให้ทราบว่าเมื่อคุณเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้ม คุณสามารถใช้ Trailing Stop ที่ขยับตามแนวโน้มได้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขยับตำแหน่ง Stop Loss อาจไม่ง่ายนัก ความเสี่ยงคือการกลับตัวของราคาจะทำให้ตลาดวิ่งมาชนกับ Stop Loss ของคุณและปิดคำสั่งซื้อขายของคุณได้
Scaling in
อนุญาตให้คุณเปิดตำแหน่งเพิ่มได้ขณะที่คุณติดตามแนวโน้ม หากตลาดเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่คุณต้องการแล้ว และคำสั่งซื้อขายของคุณได้กำไรแล้ว การทำเช่นนี้จะเป็นการเพิ่มผลกำไรที่เป็นไปได้ของคุณ อย่าลืมปรับการจัดการความเสี่ยงของคุณด้วยหากคุณใช้คำสั่งนี้ คุณอาจวางแผนที่จะเริ่มต้นด้วยการซื้อขายในขนาดที่เล็กกว่าปกติ (เช่น ซื้อที่จุดที่ 1) แล้วจึงเพิ่มขนาดขึ้นเมื่อราคาอยู่เหนือจุดที่ 2 กลยุทธ์นี้จะช่วยลดความเสี่ยงของคุณได้
การเทรดสวนแนวโน้ม
คือการปรับฐานราคาของสินทรัพย์เมื่อเทียบกับแนวโน้มหลัก พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและมีการดึงกลับ การดึงกลับไปสู่ขาลงถือเป็นแนวโน้มที่สวนทาง เพราะมันสวนทางกับแนวโน้มของตลาดเดิม กลยุทธ์การซื้อขายสวนทางกับแนวโน้มคือความพยายามในการทำกำไรเล็กน้อยโดยการเปิดการซื้อขายสวนกับแนวโน้มหลัก
.
การเทรดสวนแนวโน้มเป็นรูปแบบหนึ่งของการเทรดแบบ Swing ซึ่งคิดได้ว่าแนวโน้มของตลาดในปัจจุบันจะมีการกลับตัวหรือดึงกลับ จากนั้นจึงพยายามทำกำไรจากการดึงกลับเมื่อแนวโน้มปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ระยะกลาง โดยจะถือตำแหน่งไว้สองสามวันหรือสองสามสัปดาห์ เทรดเดอร์บางรายที่ใช้กลยุทธ์นี้เพื่อผลกำไรก็ใช้การดึงกลับขณะที่รักษาตำแหน่งหลักตามทิศทางของแนวโน้ม
.
กลยุทธ์การเทรดสวนแนวโน้มใช้ตัวบ่งชี้โมเมนตัม ระดับแนวรับและแนวต้าน และรูปแบบแท่งเทียนเพื่อระบุจุดเข้าสู่ตลาดที่เป็นไปได้เทรดเดอร์ที่ใช้วิธีนี้จำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องการดำเนินต่อของแนวโน้มปัจจุบันที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดังนั้น เมื่อเทรดด้วยกลยุทธ์นี้ ควรใช้เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น คำสั่ง Stop Loss และขนาดตำแหน่งขั้นต่ำ เพื่อจำกัดการขาดทุน
.
เทรดเดอร์ที่ใช้แนวทางนี้รับสัญญาณจากรูปแบบแท่งเทียนที่กลับตัว (แท่งเทียน Pin bar, รูปแบบ Morning star หรือ Evening star ฯลฯ) พวกเขายังใช้ออสซิลเลเตอร์อย่างเช่น MACD หรือ RSI เพื่อดูว่าตลาดอยู่ในช่วงซื้อมากเกินไป (overbought) หรือขายมากเกินไป (oversold) หรือไม่ และมีความแตกต่างระหว่างราคาและตัวบ่งชี้หรือไม่ หากสัญญาณเหล่านี้ปรากฏขึ้น แสดงว่าเทรดเดอร์เปิดตำแหน่งสวนทางกับแนวโน้มก่อนหน้า
ขอบคุณรูปจาก Fbs
เทรดเดอร์อาจตัดสินใจเข้าขายที่จุดที่ 1 เนื่องจากมีการก่อตัวของแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาว ๆ ด้านบน (สัญญาณลบ) และ MACD ไม่ได้ยืนยันการเพิ่มขึ้นของราคา
Take profit
มันไม่ง่ายเลยที่จะหาตำแหน่งที่จะเก็บกำไรเมื่อคุณเทรดสวนทางกับแนวโน้ม ความท้าทายคือต้องไม่โลภมากเกินไป จำไว้ให้ดีว่าคุณเดิมพันกับตลาด บางแนวโน้มก็อาจกลายเป็นตลาดแบบไซด์เวย์ ที่จำกัดกำไรของตำแหน่งที่เทรดสวนแนวโน้ม แนวโน้มเริ่มต้นอาจกลับมาดำเนินต่อได้อย่างรวดเร็ว และไม่ปล่อยให้ราคาได้ปรับฐานมากนัก ดังนั้นจึงควรระมัดระวังและจัดการความเสี่ยงให้ดี
Stop Loss
การวางคำสั่ง Stop Loss ในการเทรดสวนแนวโน้มถือเป็นเรื่องปกติ เทรดเดอร์วาง Stop Loss ไว้หลังจุดสูงสุดของราคาที่เริ่มมีการปรับฐาน โดย Stop Loss มีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็กกว่าเวลาที่ใช้เมื่อคุณเทรดตามแนวโน้ม
Scaling in
มันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะเข้าไปยุ่งกับขนาดตำแหน่งของคุณเมื่อคุณเทรดสวนแนวโน้ม คำสั่งซื้อขายนั้นอาจเป็นระยะที่สั้นมาก ๆ ดังนั้นคุณจึงเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สบายใจหากคุณพยายามเพิ่มคำสั่งซื้อขายเข้าไป และอย่าได้เพิ่มตำแหน่งที่สูญเสียเข้าไป เพราะอาจทำให้ขาดทุนมากยิ่งขึ้น
สรุป
วิธีการเทรดทั้งสองแบบมีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งสองวิธีสามารถสร้างสัญญาณการเทรดที่ดี ถึงอย่างนั้นแต่ละวิธีก็ต้องมีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงของตนเอง ความรู้ทั่วไปของเทรดเดอร์คือการเทรดสวนแนวโน้มนั้นต้องใช้ประสบการณ์มากพอสมควร และเทรดเดอร์มือใหม่ควรเริ่มต้นจากการเทรดตามแนวโน้มก่อนนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก Fbs
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กฎของ 72 เป็นสูตรที่เรียบง่าย แต่มีประโยชน์มากสำหรับนักลงทุนที่อยากรู้ว่าเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น สองเท่า ภายในเวลากี่ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนรายปีที่กำหนด หรือหากนักเทรดรู้ระยะเวลาที่เงินจะเพิ่มเป็นสองเท่าแล้ว กฎนี้ยังช่วยคำนวณอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่คุณต้องการได้ด้วย
พีระมิดการลงทุนไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังสร้างสมดุลให้พอร์ตการลงทุนได้อย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการวางแผนและจัดการพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมาย พร้อมทั้งศึกษาและเข้าใจสินทรัพย์แต่ละประเภทอย่างลึกซึ้ง
บทวิเคราะห์ทองคำ
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า
GO MARKETS
STARTRADER
IQ Option
FOREX.com
VT Markets
Tickmill
GO MARKETS
STARTRADER
IQ Option
FOREX.com
VT Markets
Tickmill
GO MARKETS
STARTRADER
IQ Option
FOREX.com
VT Markets
Tickmill
GO MARKETS
STARTRADER
IQ Option
FOREX.com
VT Markets
Tickmill