หุ้นทั่วโลกใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะนักลงทุนรอท่าทีเฟด

Investing.com - รอยเตอร์สเผยว่าตลาดหุ้นทั่วโลกทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทรงตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเฟดจะนโยบายเดิมไว้

ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.35% ในขณะที่ดัชนี MSCI Inc (NYSE:MSCI) เอเชียแปซิฟิกนอกประเทศญี่ปุ่นลดลง 0.1% ธุรกรรมถูกจำกัดจากการที่จีน ฮ่องกง และออสเตรเลียซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ปิดทำการในวันนี้

ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังมีแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในวงกว้างหลังเกิดวิกฤตโควิด และมีการคาดการณ์ถึงความต่อเนื่องของนโยบายการเงินของเฟด

ดัชนี MSCI รวมทุกประเทศ รวมถึงดัชนี S&P 500 ของสหรัฐและดัชนี STOXX 600 ของยุโรป ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์

SETมีแนวโน้มพักตัว เปิดตลาดช่วงเช้า -3.26 อยู่ที่ 1,633.30

การปรับตัวขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นแม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพฤหัสบดีจะสูงเกินความคาดหมายของตลาด

“ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือ เฟดได้กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อจะเป็นเพียงการชั่วคราวและจะคงนโยบายการเงินเดิมเอาไว้” โนริฮิโร ฟูจิโตะ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ Mitsubishi UFJ (NYSE:MUFG) Morgan Stanley (NYSE:MS) Securities กล่าว “แต่อีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือ ตอนนี้ตลาดเต็มไปด้วยผู้ถือเงินสด”

กองทุนจำนวนมากกำลังหันไปหาตลาดพันธบัตร ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.465% ก่อนการประชุมนโยบายของเฟดในสัปดาห์นี้ โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 1.428% ในวันศุกร์

อากิระ ทาเคอิ ผู้จัดการกองทุนของ Asset Management One กล่าวว่า “มันน่าเจ็บปวดสำหรับตลาดพันธบัตรในช่วงขาลง ผมพนันได้เลยว่าผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีจะลดลงเหลือ 1.25% หรือแม้แต่ 1%”

“อัตราการจ้างงานในสหรัฐอยู่ที่ 61% ก่อนเกิดวิกฤตโควิด และกลับมาฟื้นตัวได้ถึง 58% แต่ผมคาดว่าการฟื้นตัวจะช้าลง เพราะหลังจากวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 มันก็ไม่เคยฟื้นคืนสู่ระดับก่อนหน้านั้นอีกเลย”

สำนักข้อมูลทางการเงินของสหรัฐระบุว่า นักเก็งกำไรต่างกำลังเปิดสถานะซื้อตราสารหนี้ของสหรัฐ โดยสถานะซื้อสุทธิของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพันธบัตรสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017

นักลงทุนหลายคนคาดหวังว่าเฟดจะทบทวนนโยบายในการประชุม ที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้

ในขณะที่สมาชิกคณะกรรมการเฟดบางคนกล่าวว่า ธนาคารควรเริ่มหารือเกี่ยวกับการลดการซื้อพันธบัตร ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่าผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ยังคงต้องการรออีกสักระยะ

“เฟดอาจจะไม่มีเซอไพรส์ในสัปดาห์นี้” ฟูจิโตะ จาก Mitsubishi UFJ กล่าว “แต่ในระยะยาว มีความเสี่ยงที่ชัดเจนว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดจะมากเกินไป มีเหตุผลเพียงเล็กน้อยในการซื้อพันธบัตรจำนองขณะที่ตลาดอสังหาฯกำลังเริ่มร้อนแรง”

ทางด้านตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราฯ เงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปไม่แสดงความเต็มใจที่จะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยเงินยูโรซื้อขายอยู่ที่ 1.2111 ดอลลาร์ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ 1.2093 ดอลลาร์ในวันศุกร์

ค่าเงินเยนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อยู่ที่ 109.70

ส่วนเงินปอนด์อังกฤษซื้อขายอยู่ที่ 1.4113 ดอลลาร์ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเดือนที่ผ่านมา ก่อนการประกาศของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษว่า จะยกเลิกข้อจำกัดของมาตรการโควิดตามที่กำหนดไว้ในวันที่ 21 มิถุนายนได้หรือไม่

ความหวังในการยกเลิกข้อจำกัดยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า มีจำนวนติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

The Sun หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของอังกฤษ รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า จอห์นสันเตรียมขยายมาตรการล็อคดาวน์ออกไปถึงวันที่ 19 กรกฎาคม