简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:กฎสำคัญของการเทรดแบบ Scalping 1.ใช้กลยุทธ์ Scalping ที่มีคุณภาพ 2.หาจุดคุ้มทุน (Break-even stops) 3.อย่าคิดว่าการเทรดบ่อย ๆ จะทำให้ได้เงินเยอะ 4.ติดตามกลยุทธ์การเทรด 5.ปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์การเทรดที่วางไว้ 6.เทรดด้วยอัตราการชนะที่มากกว่า 7.ใช้กรอบเวลาที่เหมาะสม 8.เริ่มต้นเล็ก ๆ ก่อน 9.เชี่ยวชาญในโครงสร้างตลาด 10.ฝึกฝนการเทรดทุกวัน
กฎ 10 ข้อของการเทรดแบบ “Scalping” จากประสบการณ์ตรงของ The Trading Geek ที่สะสมมาตลอด 4 ปี แอดเหยี่ยวขอนำมาสรุปให้เพื่อนนักเทรดได้อ่านจากคลิปบนช่อง YouTube ของ The Trading Geek ซึ่งเนื้อหาในวีดิโอได้เน้นถึงกฎที่สำคัญที่สุด 10 ข้อที่เทรดเดอร์ต้องรู้สำหรับการเทรด Scalping โดยกลยุทธ์เหล่านี้สามารถใช้ได้ในทุกตลาดการเงิน เช่น crypto, forex หรือหุ้น แต่ The Trading Geek มักใช้กับการเทรด Forex เป็นหลัก
1.ใช้กลยุทธ์ Scalping ที่มีคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ที่ใช้มีประสิทธิภาพ ควรทำการทดสอบในบัญชี Demo อย่างละเอียดและรอบคอบก่อนเริ่มเทรดด้วยเงินจริง
2.หาจุดคุ้มทุน (Break-even stops) ในการเทรดแต่ละครั้ง ควรคำนวณจุดคุ้มทุนเพื่อให้แน่ใจว่าแม้จะไม่มีกำไรก็ไม่ขาดทุน ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการเทรด
3.อย่าคิดว่าการเทรดบ่อย ๆ จะทำให้ได้เงินเยอะ การเข้าเทรดบ่อย ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทำกำไรเสมอไป The Trading Geek มักเทรดเพียงวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น โดยเลือกเทรดเฉพาะเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม
4.ติดตามกลยุทธ์การเทรด การติดตามผลการเทรดช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่ากลยุทธ์ไหนได้ผลดีหรือไม่ดี เพื่อจะได้นำมาพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น
5.ปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์การเทรดที่วางไว้ การมีวินัยในการปฏิบัติตามกฎการเทรดที่วางแผนไว้อย่างเคร่งครัดเป็นหนทางเดียวที่นำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว
6.เทรดด้วยอัตราการชนะที่มากกว่า เลือกการเข้าเทรดที่มีโอกาสชนะมากกว่า โดยดูจาก Small Time frame อย่างละเอียด และวาง Stop loss ในจุดที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น หากเสี่ยง $10 ต่อการเทรดแต่ละครั้ง แพ้ $40 ชนะ $100 จะมีกำไรสุทธิ $60 แม้แพ้ 4 ครั้งชนะเพียงครั้งเดียว
7.ใช้กรอบเวลาที่เหมาะสม การเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมสำคัญมากกับการเทรดแบบ Scalping ซึ่งต้องการความรวดเร็ว เช่น กรอบเวลา 5, 10, 15 นาที แต่ควรดูกรอบเวลา 1 วัน หรือ 4 ชั่วโมงเพื่อกำหนดแนวโน้มโดยรวมของตลาด
8.เริ่มต้นเล็ก ๆ ก่อน เริ่มต้นเทรดด้วยเงินจำนวนน้อยเพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มทักษะทีละขั้น จากนั้นจึงค่อยเพิ่มขนาด Lot ตามความเชี่ยวชาญที่มี
9.เชี่ยวชาญในโครงสร้างตลาด การมีความรู้ในโครงสร้างของตลาดและการปรับกลยุทธ์ตามสภาพตลาดเป็นสิ่งสำคัญ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องสามารถอ่านตลาดและปรับตัวได้
10.ฝึกฝนการเทรดทุกวัน การฝึกฝนทำให้เกิดความชำนาญ Bruce Lee เคยกล่าวไว้ว่า “ผมไม่กลัวคนที่ฝึกเตะมา 10,000 ครั้ง แต่กลัวคนที่ฝึกเตะท่าเดียวมาแล้ว 10,000 ครั้ง” เช่นเดียวกับการเทรด ต้องฝึกฝนทุกวันเพื่อความเชี่ยวชาญ
ลองนำกฎเหล่านี้มาปรับใช้ในกิจกรรมแข่งขันเทรด Demo! ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 20,000 บาท กับ WikiFX เพื่อพิสูจน์ทักษะของคุณ และท้าทายความสามารถกับนักเทรดคนอื่น ๆ สมัครได้แล้ววันนี้!
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิกเลย: https://www.wikifx.com/th/newsdetail/202411118354947938.html
ขอบคุณข้อมูลจาก The Trading Geek
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กฎของ 72 เป็นสูตรที่เรียบง่าย แต่มีประโยชน์มากสำหรับนักลงทุนที่อยากรู้ว่าเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น สองเท่า ภายในเวลากี่ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนรายปีที่กำหนด หรือหากนักเทรดรู้ระยะเวลาที่เงินจะเพิ่มเป็นสองเท่าแล้ว กฎนี้ยังช่วยคำนวณอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่คุณต้องการได้ด้วย
พีระมิดการลงทุนไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังสร้างสมดุลให้พอร์ตการลงทุนได้อย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการวางแผนและจัดการพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมาย พร้อมทั้งศึกษาและเข้าใจสินทรัพย์แต่ละประเภทอย่างลึกซึ้ง
บทวิเคราะห์ทองคำ
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า
ATFX
EC Markets
FBS
Tickmill
FXTM
VT Markets
ATFX
EC Markets
FBS
Tickmill
FXTM
VT Markets
ATFX
EC Markets
FBS
Tickmill
FXTM
VT Markets
ATFX
EC Markets
FBS
Tickmill
FXTM
VT Markets