简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เคล็ดลับการทำกำไรจาก Forex
สี่ปีที่ผ่านมา นักเทรดฟอเร็กซ์นับไม่ถ้วนฝึกฝนอย่างหนักทั้งกลางวันและกลางคืน ราวกับหมาป่าที่ซุ่มซ่อนอยู่ในทุ่งหญ้า รอคอยการมาของฝูงแกะขนาดใหญ่ วันนี้ถึงเวลาที่รอคอยมาถึง—การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ในตลาดฟอเร็กซ์ที่ทั่วโลกจับตามอง และสร้างความคึกคักให้กับหลายตลาดการเงินอันยิ่งใหญ่ ความตื่นตัวของการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่ฟอเร็กซ์แบบดั้งเดิมไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์สในดัชนีหุ้น และคริปโตเคอร์เรนซี สายฝนที่ตลาดฟอเร็กซ์รอคอยมานานกำลังจะชโลมลงสู่ผืนดิน
เรากำลังจะได้เห็นสินทรัพย์หลายประเภทที่เคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก ราวกับเม็ดหยกเล็กใหญ่ที่ร่วงหล่นกระทบถาดอย่างเสียงดัง พร้อมทั้งได้เห็นภาพการซื้อขายอันแสนคึกคัก ที่เหมือนกับปลาโลดเล่นในน้ำ เหยี่ยวโฉบเฉี่ยวบนฟ้า เสือคำราม และม้าเร่งฝีเท้าก้าวหน้า นี่คือปรากฏการณ์ความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่ที่กำลังจะซัดเข้าหานักลงทุนทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน วันนี้ ขอใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเพื่อเชิญชวนให้คุณติดตาม WikiFX และร่วมสำรวจรหัสลับแห่งความมั่งคั่งจากกระแสการเลือกตั้งครั้งนี้ไปด้วยกัน!
ไม่ออกรบโดยไม่เตรียมพร้อม เลือกเทรดแต่สินค้าที่คุ้นเคยและเป็นกระแสหลักเท่านั้น
การค้นพบรหัสลับแห่งความมั่งคั่งและการเปิดประตูสู่กำไรนั้น สิ่งแรกคือต้องเลือกสินค้าที่ใช่ในการเทรด ในตลาดฟอเร็กซ์และเครื่องมือทางการเงินประเภทอนุพันธ์มีสินค้ามากมาย แล้วสินค้าที่ ‘ใช่’ คืออะไร? คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เช่นเดียวกับที่ ‘นักอ่านหนึ่งพันคน ย่อมมีแฮมเล็ตหนึ่งพันแบบ’ สินค้าที่เหมาะสมคือตัวเลือกที่สอดคล้องกับสไตล์การลงทุนของเรา เข้าใจลักษณะความผันผวนได้ง่าย และมีประวัติการสร้างกำไรมาแล้วหลายครั้ง
โดยทั่วไปแล้ว ในการเทรดคู่สกุลเงิน มักจะดีที่สุดหากเน้นคู่เงินที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น คู่เงินยอดนิยมอย่าง EUR/USD ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดทั่วโลก, USD/JPY ซึ่งมีการชำระเงินจำนวนมาก, GBP/USD ที่มีความนิยมสูง, AUD/USD ที่เชื่อมโยงกับตลาดแร่เหล็ก, USD/CAD ซึ่งสัมพันธ์กับราคาน้ำมัน และ USD/CHF ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับนักเทรดมาก คู่เหล่านี้ได้รับความนิยมเนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายสูง สภาพคล่องดี ความเคลื่อนไหวตลอดวันค่อนข้างคงที่ และมีสเปรดและต้นทุนการถือสถานะข้ามคืนที่ค่อนข้างต่ำ จึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักลงทุน
นอกจากนี้ คู่เงินครอสในตระกูลปอนด์ เช่น GBP/JPY, GBP/CHF, EUR/GBP รวมถึงคู่เงินครอสในตระกูลยูโรอย่าง EUR/JPY, EUR/CHF และตระกูลออสเตรเลีย เช่น AUD/JPY, AUD/NZD, AUD/CAD มักมีความผันผวนสูง จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดระยะสั้น แต่ความผันผวนที่สูงนี้มาพร้อมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ซับซ้อนกว่าคู่เงินตรง แม้คู่เงินครอสเหล่านี้จะมีความเคลื่อนไหวสูงและเหมาะกับนักเทรดที่ต้องการกำไรเร็ว แต่แนวโน้มก็เปลี่ยนทิศทางได้รวดเร็ว มีความยุ่งยากในการคำนวณมูลค่าต่อจุด สเปรดสูงกว่า และดอกเบี้ยข้ามคืนแพงกว่า จึงมีความเสี่ยงในการขาดทุนมากกว่า นักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่มีประสบการณ์ไม่มากควรตระหนักถึงความท้าทายเหล่านี้
นอกจากคู่สกุลเงินแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอุตสาหกรรม พลังงาน และเกษตรกรรมก็เป็นที่นิยมในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี เช่น ทองคำซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยโดยธรรมชาติ น้ำมันดิบซึ่งพึ่งพาสภาวะเศรษฐกิจโลก และถั่วเหลืองซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนโยบายภาษีการค้า ทั้งหมดนี้มีโอกาสสร้างความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายการค้าของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือก
ดัชนีหุ้นก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง นอกเหนือจากการเทรดสกุลเงินและสินค้าโภคภัณฑ์แบบดั้งเดิม โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ส่วนใหญ่ยังมีการเทรดดัชนีทั้งแบบฟิวเจอร์สและสปอต โดยดัชนียอดนิยม ได้แก่ ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐฯ (Dow Jones, S&P 500, Nasdaq) รวมถึง DAX ของเยอรมนี, Hang Seng ของฮ่องกง, FTSE 100 และ FTSE A50 ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้นมักมีความผันผวนที่รุนแรงกว่า ยกตัวอย่างเช่น ดัชนี Nasdaq ของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อต้นปีมีการเคลื่อนไหวเฉลี่ยรายวันถึง 500 จุด และในบางครั้งมีความผันผวนสูงเกือบ 1,000 จุดภายในวันเดียว นโยบายด้านการคลังและภาษีในประเทศ รวมถึงนโยบายการค้าและการเงินระหว่างประเทศของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือก อาจกระตุ้นให้เกิดความผันผวนอย่างมากในตลาดดัชนีหุ้น นักเทรดที่มีประสบการณ์สามารถติดตามแนวโน้มเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิดเพื่อหาจังหวะในการลงทุน
ควบคุมขนาดตำแหน่งอย่างเคร่งครัด ใช้การหยุดขาดทุนอย่างเด็ดขาด และหลีกเลี่ยงการซื้อขายบ่อยครั้ง
ขนาดตำแหน่ง (Position Size) ความเสี่ยงในการลงทุนขึ้นอยู่กับระดับการมีส่วนร่วมของคุณ โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ ว่าปัจจุบันมีแพลตฟอร์มฟอเร็กซ์มากมายที่จัดโปรโมชั่นเงินฝากและโบนัสอย่างมากมาย ซึ่งโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จะโฆษณาโอกาสในการรวยอย่างกว้างขวาง ดังนั้นนักลงทุนทุกท่านจึงควรรักษาความตระหนักให้ชัดเจนว่า สิ่งที่คุณเห็นเกี่ยวกับฟอเร็กซ์ในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นข้อความที่สร้างขึ้นโดยแพลตฟอร์มฟอเร็กซ์หรือโบรกเกอร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้คุณเพิ่มขนาดตำแหน่งและทำการเทรดมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้น
Forex Eye ขอเตือนทุกคนว่า ไม่ว่าตลาดในช่วงการเลือกตั้งจะมีความเคลื่อนไหวมากเพียงใด มีโอกาสมากเพียงใด หรือแนวโน้มชัดเจนแค่ไหน สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นเหตุผลที่คุณจะนำทรัพย์สินทั้งหมดของคุณไปเสี่ยงในการลงทุน ขนาดตำแหน่งที่มากขึ้นจะหมายถึงการลงทุนที่มากขึ้น ซึ่งความเสี่ยงก็จะสูงตามไปด้วย
แล้วขนาดตำแหน่งเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม? ไม่มีตัวเลขที่ตายตัวในเรื่องนี้ คุณควรปรับขนาดตำแหน่งให้เหมาะสม โดยพิจารณาจากความสามารถและความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ รวมถึงระดับทักษะส่วนตัว โดยทั่วไปแล้ว ขนาดตำแหน่งไม่ควรเกิน 10% ของเงินทุนทั้งหมดในบัญชี ซึ่งถือว่าเป็นขนาดตำแหน่งที่เบาและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความพิเศษของตลาดในช่วงการเลือกตั้ง ความผันผวนอาจสูงขึ้นมากกว่าปกติ ดังนั้นควรพิจารณาลดขนาดตำแหน่งลงอีก
ยกตัวอย่างเช่น ทองคำ ตามความผันผวนในปีนี้ แม้จะเปิดสถานะเพียง 0.1 ล็อต ก็สามารถทำให้บัญชีมีการเปลี่ยนแปลงหลายร้อยหรือแม้แต่หลายพันดอลลาร์ในวันเดียว ในช่วงตลาดการเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงอาจมากขึ้น ดังนั้นนักเทรดจะต้องตระหนักถึงขนาดตำแหน่งอย่างจริงจัง ในทุกช่วงเวลา ไม่ควรเปิดออร์เดอร์ที่เกินกว่าขนาดตำแหน่งที่คุณสามารถควบคุมได้
การหยุดขาดทุน (Stop Loss) เรื่องนี้ไม่ต้องพูดมาก ผู้ที่เข้าใจจะเข้าใจอยู่แล้ว ส่วนผู้ที่ไม่เข้าใจก็จะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ การหยุดขาดทุนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณในการเอาชนะตลาด ‘รักษาป่าไว้ให้เขียว จะไม่กลัวไม่มีฟืนให้ใช้’ หยุดขาดทุนควรตั้งอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ไม่ควรกว้างเกินไปหรือแคบเกินไป ถ้าตั้งกว้างเกินไปคุณจะตกอยู่ในโหมดรับภาระขาดทุน แต่ถ้าตั้งแคบเกินไปคุณจะถูกหยุดขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดยทั่วไปมีสองวิธีในการตั้งหยุดขาดทุน วิธีแรกคือ การหยุดขาดทุนแบบคงที่ (Fixed Stop Loss): หลังจากตั้งเกณฑ์การเข้าเทรดโดยใช้กราฟเทคนิค ถ้าราคากลับตัวและทะลุแนวต้าน ควรหยุดขาดทุนทันที แม้เพียง 0.001 ก็ต้องหยุดอย่างเด็ดขาด วิธีที่สองคือ การหยุดขาดทุนแบบคำนวณ (Quantitative Stop Loss): ในการสนทนากับนักเทรดมืออาชีพหลายคน พวกเขามักตั้งเกณฑ์การหยุดขาดทุนไว้ที่ 2% ของเงินทุนทั้งหมดในบัญชี และเมื่อขาดทุนถึง 20% ของเงินทุนทั้งหมด ควรถอนเงินออกจากตลาด ปรับเปลี่ยนสภาพจิตใจ และรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อลงทุนใหม่
สุดท้ายนี้ ขอพูดถึงอันตรายจากการซื้อขายบ่อยครั้ง นี่คือข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นในช่วงการเลือกตั้ง หากคุณทำการเทรดบ่อยๆ และมีขนาดตำแหน่งเล็ก พร้อมการควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด คุณอาจสามารถอยู่รอดได้ แต่ถ้าคุณทำการเทรดบ่อยๆ และมีขนาดตำแหน่งใหญ่ นี่คือหนทางสู่ความล้มเหลวที่ไม่มีทางแก้ไข
เว้นแต่คุณจะใช้ EA (Expert Advisor) ในการเทรดแบบโปรแกรมมิ่งและมีเงินทุนเพียงพอ มิฉะนั้น คุณจะติดอยู่ในโหมดเทรดบ่อยและขนาดตำแหน่งใหญ่ ซึ่งจะส่งผลให้คุณประสบกับความล้มเหลว หากคุณยังเป็นคนธรรมดาและมีอารมณ์และแรงปรารถนาที่ฝังรากลึกในตัวคุณ คุณจะไม่สามารถทำการเทรดในรูปแบบ ‘บ่อยๆ ขนาดเล็ก และหยุดขาดทุนอย่างเข้มงวด’ ได้อย่างยั่งยืน เพราะคุณจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับขนาดตำแหน่งเล็ก คุณจะรู้สึกเหนื่อยกับการเทรดบ่อยครั้ง และคุณจะรู้สึกเจ็บปวดจากการขาดทุนที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง
ในช่วงการเลือกตั้ง ตลาดอาจเกิดเหตุการณ์มากมายที่คุณไม่คาดคิด คุณจะตกอยู่ในวงจรการเทรดขนาดใหญ่โดยไม่รู้ตัว ความสูญเสียจากการเทรดขนาดใหญ่จะทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะทำการเทรดบ่อยเพื่อพยายามกู้คืนการขาดทุน ในช่วงเวลานั้น คุณจะไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป คุณจะสูญเสียการตัดสินใจพื้นฐานเกี่ยวกับตลาดและความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับความเสี่ยง จนกลายเป็นนักพนันที่ขาดสติ
เครื่องมือ WikiFX Forex Market – ค้นหาโอกาสในตลาด
การเลือกตั้งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่สำคัญ ดังนั้นเทรดเดอร์จึงต้องวิเคราะห์และคว้าโอกาสให้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องเข้าใจตลาดทั้งในเชิงพื้นฐานและเชิงเทคนิค วิธีการทั้งสองนี้มักจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถดำเนินการที่มีกำไรได้ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ซึ่งติดตามการเคลื่อนไหวที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและข่าวสาร รู้ดีว่าตลาดบางครั้งก็เคลื่อนไหวสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาไม่ได้เกิดจากข้อมูลหรือข่าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมี “ความรู้สึกในตลาด” (Market Sentiment) ที่เข้ามามีบทบาท
แล้วความรู้สึกในตลาดคืออะไร? มันคือการแสดงออกถึงพฤติกรรมการซื้อขายที่ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย รวมถึงอารมณ์ของมนุษย์ เช่น ความโลภ ความกลัว ความระมัดระวัง และการกระทำตามฝูงชน (herd mentality) รวมไปถึงพฤติกรรมการซื้อขายอัตโนมัติที่ตั้งโปรแกรมไว้ การเข้าใจความรู้สึกในตลาดช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคตได้ชัดเจนขึ้น
สำหรับผู้เริ่มต้น การจับความรู้สึกในตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม WikiFX มีฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงมาก คือแผนภูมิเปรียบเทียบความรู้สึกแบบเรียลไทม์ แผนภูมิความรู้สึกของ WikiFX ครอบคลุมสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ทองคำ น้ำมันดิบ และคู่สกุลเงินหลักในตลาดฟอเร็กซ์ ช่วยให้มองเห็นการกระจายความรู้สึกแบบเรียลไทม์ของสินทรัพย์แต่ละประเภท ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจความรู้สึกในตลาดได้ดีขึ้น นอกจากนี้ แผนภูมิอัตราส่วนความรู้สึกและแผนภูมิตำแหน่งการถือครองของ WikiFX ยังช่วยเทรดเดอร์ในการจับทิศทางของตลาดอีกด้วย
แน่นอนว่า เครื่องมือก็เป็นแค่เครื่องมือ เทรดเดอร์จำเป็นต้องใช้อย่างยืดหยุ่นโดยมีความเข้าใจในตลาดที่เพียงพอ อย่าติดตามตัวชี้วัดแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แผนภูมิความรู้สึกของ WikiFX แผนภูมิอัตราส่วนความรู้สึก และแผนภูมิตำแหน่งการถือครอง เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ได้อย่างมีแบบแผน แต่ไม่ควรใช้เพื่อออกคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติ การใช้ตัวชี้วัดและรูปแบบต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้
การใช้แอป WikiFX เพื่อป้องกันตัวเชิงรุกจากแพลตฟอร์มที่ไม่มีการควบคุม
ในช่วงฤดูเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา แพลตฟอร์มฟอเร็กซ์ที่ไม่มีการควบคุมหลายแห่งอาจดำเนินการอย่างไร้จริยธรรมได้ ทาง WikiFX จึงขอเตือนนักลงทุนว่าความเสี่ยงจากการฉ้อโกงโดยแพลตฟอร์มที่ไม่มีการควบคุมนั้นยังคงอยู่เสมอ ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
หากในช่วงเลือกตั้งมีใครแนะนำลิงก์สมัครฟอเร็กซ์ให้คุณผ่านวิดีโอสั้นหรือสื่อสังคมออนไลน์ อย่าลืมตรวจสอบชื่อแพลตฟอร์มกับแอป WikiFX และเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ทางการที่ระบุใน WikiFX เพื่อหลีกเลี่ยงการฉ้อโกงจากแพลตฟอร์มปลอมที่อ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกต้อง
หากคุณถูกเพิ่มเข้ากลุ่มสนทนาฟอเร็กซ์โดยไม่คาดคิด ให้ระวังกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โชว์ผลกำไรจากการซื้อขาย การให้โบนัสเพิ่มทุน การแนะนำสัญญาณการซื้อขายที่มีเลเวอเรจสูง การซื้อขายบ่อยครั้งโดยไม่มีจุดตัดขาดทุน หรือการรับประกันเงินต้นและผลกำไร
หากคุณพบเห็นบริการ EA ที่อ้างว่ามีอัตราชนะสูงและผลตอบแทนดีถูกขายบนโซเชียลมีเดียหรือช่องทางอื่น ๆ ควรระมัดระวัง เพราะมีหลายกรณีที่ EA ที่ไม่ประสงค์ดีร่วมมือกับแพลตฟอร์มที่ไม่มีการควบคุมเพื่อระบายเงินออกจากบัญชีของเทรดเดอร์อย่างรวดเร็ว
สุดท้ายนี้ หากคุณพบปัญหาขณะทำการซื้อขายในช่วงเลือกตั้ง เช่น การฝากเงินเพิ่มมาร์จินไม่ผ่านการดำเนินการ การหลุดออกจากแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง การขยายส่วนต่างราคา (spread) อย่างผิดปกติทำให้คำสั่งถูกบังคับขายทิ้ง การเคลื่อนที่ของราคา (slippage) อย่างรุนแรง การปรับเปลี่ยนเลเวอเรจโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า การลดระดับบัญชีอย่างฉับพลันซึ่งทำให้มีค่าธรรมเนียมข้ามคืนเพิ่มขึ้นโดยไม่คาดคิด หรือค่าใช้จ่ายลึกลับที่ทำให้บัญชีถูกปิด ควรเก็บหลักฐานและใช้แอป WikiFX ในการรายงานและปกป้องสิทธิของคุณ โดยขอความช่วยเหลือฟรีเพื่อกู้คืนความสูญเสียจากการฉ้อโกง
คำเตือน: บทความนี้ไม่ได้ให้คำแนะนำการลงทุนที่เฉพาะเจาะจง และไม่เหมาะสมสำหรับการซื้อขายการลงทุนใด ๆ เทรดเดอร์ควรทำการประเมินความเสี่ยงในการลงทุนอย่างมีเหตุผล
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กฎของ 72 เป็นสูตรที่เรียบง่าย แต่มีประโยชน์มากสำหรับนักลงทุนที่อยากรู้ว่าเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น สองเท่า ภายในเวลากี่ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนรายปีที่กำหนด หรือหากนักเทรดรู้ระยะเวลาที่เงินจะเพิ่มเป็นสองเท่าแล้ว กฎนี้ยังช่วยคำนวณอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่คุณต้องการได้ด้วย
พีระมิดการลงทุนไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังสร้างสมดุลให้พอร์ตการลงทุนได้อย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการวางแผนและจัดการพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมาย พร้อมทั้งศึกษาและเข้าใจสินทรัพย์แต่ละประเภทอย่างลึกซึ้ง
บทวิเคราะห์ทองคำ
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า
Tickmill
IC Markets Global
FBS
IQ Option
FP Markets
EC Markets
Tickmill
IC Markets Global
FBS
IQ Option
FP Markets
EC Markets
Tickmill
IC Markets Global
FBS
IQ Option
FP Markets
EC Markets
Tickmill
IC Markets Global
FBS
IQ Option
FP Markets
EC Markets