简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ "เป็นคนมีเวลา ที่ไม่ต้องบริหารเวลา"
วันนี้แอดเหยี่ยวนำบทความดีๆจากเพจ Readism มาฝากกันครับเป็นข้อคิดดี ๆ จากหนังสือที่ชื่อว่า“เป็นคนมีเวลา ที่ไม่ต้องบริหารเวลา”
1.การจัดการเวลาแบบใหม่
หนังสือเสนอวิธีคิดใหม่ในการจัดการเวลา ซึ่งไม่ใช่การจัดระเบียบตารางเวลาที่แน่นหนา แต่เป็นการจัดการชีวิตตามคุณค่าและเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของตัวเราเอง แนวคิดนี้สอนว่าเราควรเริ่มจากสิ่งที่เราต้องการจะเป็น หรือสิ่งที่เราต้องการจะทำ ก่อนที่จะวางแผนเวลาของเรา การให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะยาวและสิ่งที่มีความหมายแทนการติดตามตารางงานที่เข้มงวด ทำให้เราสามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราไม่ควรให้เวลาเป็นเครื่องบังคับให้เราทำงานตามแนวคิดเดิมๆ แต่ควรปล่อยให้ชีวิตนำพาไปในทิศทางที่เราเลือกเอง การเลือกแนวทางนี้จะช่วยให้เรามีความสุขและพึงพอใจมากขึ้นในทุกๆ ด้านของชีวิต การจัดการเวลาแบบใหม่จึงเป็นเรื่องของการสร้างชีวิตที่มีความหมายก่อน แล้วให้เวลาเข้ามาเติมเต็ม
2.สร้างงานรอบชีวิต ไม่ใช่ชีวิตรอบงาน
หนังสือเน้นให้เราสร้างงานที่เข้ากับชีวิตที่เราต้องการ แทนที่จะต้องปรับชีวิตให้เข้ากับงาน เรามักถูกสังคมปลูกฝังให้เชื่อว่าต้องทำงานหนักและเสียสละเพื่ออนาคต แต่จริงๆ แล้ว เราสามารถออกแบบงานให้เหมาะกับชีวิตที่เราต้องการได้ โดยไม่ต้องรอจนถึงวัยเกษียณ เราควรพิจารณาว่าชีวิตแบบไหนที่เราต้องการ และเลือกทำงานที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความปรารถนาของเรา การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและงานเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการที่เรามีเวลาให้กับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น จะทำให้เรามีความสุขและพร้อมที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้ หัวใจสำคัญของแนวคิดนี้คือ การทำงานไม่ควรเป็นภาระที่ทำให้ชีวิตเราเสียสมดุล แต่ควรเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ
3.มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ไม่ใช่เวลา
หนังสือชี้ให้เห็นว่าเราควรให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ต้องการมากกว่าเวลาที่ใช้ในการทำงาน การมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลามากมาย การทำงานที่เน้นผลลัพธ์ยังช่วยลดความเครียดและความกดดันที่เกิดจากการพยายามทำงานให้ทันตามเวลาที่กำหนด เมื่อเรามุ่งมั่นที่ผลลัพธ์มากกว่าเวลาที่ใช้ จะทำให้เราโฟกัสที่การพัฒนาคุณภาพงานของเราให้ดีขึ้น วิธีการนี้ยังช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบเพื่อตอบโจทย์สิ่งที่เราต้องการได้มากขึ้น การลดการยึดติดกับเวลาเป็นการเปิดโอกาสให้เราทำงานด้วยความยืดหยุ่น และสามารถใช้เวลาไปกับสิ่งที่สำคัญในชีวิตได้อย่างแท้จริง
4.ความยืดหยุ่นคือกุญแจสำคัญ
การมีความยืดหยุ่นในชีวิตและการทำงานคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในโลกปัจจุบัน ความสามารถในการปรับตัวกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถเอาตัวรอดและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง การยืดหยุ่นยังช่วยลดความเครียด เพราะเราจะไม่รู้สึกถูกกดดันหรือยึดติดกับแผนที่ต้องทำให้เสร็จตามเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ยังทำให้เราสามารถหาวิธีใหม่ๆ ในการทำงานหรือแก้ปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ความยืดหยุ่นไม่ได้หมายความว่าเราควรละเลยเป้าหมาย แต่หมายถึงการปรับแผนหรือแนวทางเมื่อพบกับอุปสรรคต่างๆ ความยืดหยุ่นจะทำให้เรามีความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายและยังคงสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ
5.ความสำคัญของการตั้งคำถามกับแนวคิดเดิมๆ
หนังสือสนับสนุนให้เราตั้งคำถามกับแนวคิดและกฎเกณฑ์ที่เคยเชื่อหรือทำตามมาตลอด การตั้งคำถามนี้เป็นการท้าทายแนวคิดเดิมๆ ที่อาจไม่เหมาะสมหรือจำกัดความคิดสร้างสรรค์ของเรา การที่เรายึดติดกับแนวคิดการจัดการเวลาแบบเดิมๆ เช่น การทำงานเป็นเวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ การกล้าที่จะตั้งคำถามกับวิธีการทำงานหรือแนวคิดที่ถูกสังคมปลูกฝังมานานจะทำให้เราเห็นช่องทางใหม่ๆ ในการทำงาน การเปลี่ยนแปลงแนวคิดนี้ช่วยให้เราสามารถสร้างการทำงานที่เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้เราได้ทดลองวิธีการใหม่ๆ ที่อาจนำพาไปสู่ความสำเร็จที่เราไม่เคยคาดคิด การตั้งคำถามเป็นก้าวแรกของการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
6.การใช้เวลาอย่างมีความหมาย
หนึ่งในข้อคิดสำคัญของหนังสือคือการใช้เวลาไปกับสิ่งที่มีความหมายในชีวิต ไม่ใช่แค่การบริหารเวลาให้ทำงานเสร็จตามกำหนด แต่เราควรใช้เวลาไปกับสิ่งที่สำคัญกับเราอย่างแท้จริง การที่เราให้เวลาแก่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและรู้สึกเติมเต็ม จะช่วยให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าและความหมายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับครอบครัว การทำกิจกรรมที่รัก หรือการพัฒนาตัวเอง ทุกๆ นาทีที่เราทุ่มเทให้กับสิ่งที่มีความหมายจะทำให้เรารู้สึกประสบความสำเร็จและมีความสุขมากขึ้น แนวคิดนี้ยังชี้ให้เห็นว่า การมีชีวิตที่มีความหมายไม่จำเป็นต้องมาจากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการใช้เวลาให้ถูกที่และถูกทาง
7.การลงทุนในตัวเองและคนรอบข้าง
การลงทุนในความสัมพันธ์และการพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่หนังสือเน้นย้ำ เราควรให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน การลงทุนในความสัมพันธ์เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความสุขและความสำเร็จในชีวิต นอกจากนี้ยังควรให้เวลาในการพัฒนาตนเอง เพื่อเสริมสร้างทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการเติบโต การลงทุนในตัวเองไม่เพียงแต่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในงานที่ทำ แต่ยังช่วยให้เรารู้สึกพึงพอใจในชีวิตส่วนตัวมากขึ้น การที่เราให้ความสำคัญกับทั้งความสัมพันธ์และการพัฒนาตัวเอง จะสร้างชีวิตที่สมดุลและมีความสุขอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก Readism
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ