简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:Momentum Trading เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่ง่ายที่สุด ซึ่งเทรดเดอร์จะทำการซื้อขายสินทรัพย์ตามการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาล่าสุด โดยมีแนวคิดว่าหากราคามีความแข็งแกร่งเพียงพอและเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ราคาก็จะมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางนั้นในระยะเวลาหนึ่ง
การเลือกกลยุทธ์ในการเทรดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นตัวชี้แนะแนวทางในการเทรดและสร้างผลกำไร โดยกลยุทธ์การเทรดมีหลายรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันคือ Momentum Trading ด้วยเหตุนี้ แอดเหยี่ยวจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ Momentum Trading ที่เข้าใจง่าย ภายใน 10 นาทีมาให้แล้วในบทความนี้เลย
Momentum Trading คืออะไร?
Momentum Trading เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่ง่ายที่สุด ซึ่งเทรดเดอร์จะทำการซื้อขายสินทรัพย์ตามการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาล่าสุด โดยมีแนวคิดว่าหากราคามีความแข็งแกร่งเพียงพอและเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ราคาก็จะมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางนั้นในระยะเวลาหนึ่ง
การเทรดตามโมเมนตัมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์สามารถใช้เครื่องมืออย่าง Momentum Indicator หรือกลยุทธ์การลงทุนแบบ Momentum เพื่อระบุสินทรัพย์ที่แสดงความแข็งแกร่งในการเคลื่อนไหวของราคา ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น (upside) หรือขาลง (downside) ทำให้สามารถจับทิศทางการเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทรดเดอร์เห็นสัญญาณการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจน ก็จะเข้าสู่ตลาดเพื่อสร้างโมเมนตัมเพิ่มเติม
โดยปกติแล้ว เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์นี้มักเข้าทำการซื้อขายในช่วงกลางของแนวโน้มระยะยาวที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งสร้างแรงดึงดูดให้นักลงทุนรายอื่นๆ เข้ามาร่วมตลาด กลยุทธ์นี้อาศัยกระแสและความรู้สึกกลัวที่จะพลาดโอกาส (Fear of Missing Out - FOMO) เพื่อสร้างแรงผลักดันให้เทรดเดอร์เข้าสู่ตลาดตามแนวโน้มที่เกิดขึ้น นี่เป็นสาเหตุที่กลยุทธ์ Momentum Trading ได้รับความนิยมและมีความแตกต่างจากกลยุทธ์เทรดแบบ Reversal หรือการเทรดแบบย้อนกลับทิศทาง
กลยุทธ์ Momentum Trading และพื้นฐานการวิเคราะห์โมเมนตัม
ในกลยุทธ์ Momentum Trading เทรดเดอร์จะใช้ Momentum Indicator เพื่อวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา และดูว่านักลงทุนรายอื่นจะเข้าสู่ตลาดเพื่อสร้างโมเมนตัมเพิ่มเติมหรือไม่ อินดิเคเตอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ที่กำลังเทรด เช่น ในการเทรดหุ้น เทรดเดอร์อาจใช้ตัวชี้วัดเกี่ยวกับปริมาณ (Volume) เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา ในขณะที่การเทรด Forex ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับกลยุทธ์นี้ เนื่องจากตลาดเปิดทำการ 24 ชั่วโมง เทรดเดอร์มักใช้โรบอทเทรดและอัลกอริทึมเพื่อช่วยจับทิศทางของแนวโน้มที่มีพื้นฐานจากโมเมนตัม
อินดิเคเตอร์ที่ใช้กันบ่อยในการวิเคราะห์โมเมนตัม ได้แก่ Relative Strength Index (RSI) และ Moving Average (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจสภาพของตลาดได้ดีขึ้น เมื่อเทรดเดอร์ใช้กลยุทธ์ Momentum Trading ในตลาด Forex พวกเขามักจะใช้หลายอินดิเคเตอร์ควบคู่กัน เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจ ทั้งการใช้กราฟระยะยาวและการเทรดแบบรายวัน (Day Trade) ก็เป็นวิธีที่นิยมในกลยุทธ์นี้
การใช้ RSI นั้นช่วยให้เทรดเดอร์ระบุได้ว่าตลาดอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ในขณะที่ Moving Average ช่วยติดตามแนวโน้มของตลาด หากราคาเคลื่อนที่เหนือหรือใต้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างมีนัยสำคัญ เทรดเดอร์อาจพิจารณาว่าเป็นสัญญาณของโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง
1.ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์ทำให้ข้อมูลราคาดูราบรื่นขึ้น เพื่อใช้สร้างโมเมนตัมหลังจากการใช้อินดิเคเตอร์ มีประเภทของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายรูปแบบ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) ที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากขึ้น ตัวอย่างที่แสดงอยู่ในกราฟด้านล่างคือการนำเสนอรูปแบบของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสองแบบนี้
ขอบคุณรูปจาก Admirals
กราฟด้านบนแสดงตัวอย่างของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMAs) ที่ช่วงเวลา 20 วัน (ช่วงเวลาอื่นที่นิยมใช้ได้แก่ 10, 50, 100 และ 200 วัน) โดยเทรดเดอร์ระยะสั้น เช่น ผู้ที่ทำ Day Trade มักจะใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ ในการเทรด ขณะที่เทรดเดอร์ระยะยาวจะใช้ช่วงเวลาที่นานขึ้น นี่คือเหตุผลที่กลยุทธ์ Momentum Trading สามารถสร้างกำไรได้มากสำหรับนักลงทุนรายย่อย ขึ้นอยู่กับสไตล์และความชอบของแต่ละคน
แม้ว่ากลยุทธ์ Momentum Trading ส่วนใหญ่จะใช้อินดิเคเตอร์เพียงตัวเดียว แต่บางเทรดเดอร์ก็เลือกใช้หลายอินดิเคเตอร์ควบคู่กันเพื่อความแม่นยำ ตัวอย่างเช่น Moving Average จะช่วยให้เทรดเดอร์ระบุทิศทางของโมเมนตัม ขณะที่ Momentum Oscillator จะช่วยระบุจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ
2.Relative Strength Index (RSI)
RSI เป็นอินดิเคเตอร์ที่พัฒนาโดย เจ เวลล์ส ไวล์เดอร์ และเป็นที่รู้จักในฐานะ Momentum Oscillator โดยมีจุดประสงค์เพื่อวัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา ค่า RSI จะผันผวนระหว่าง 0 ถึง 100 เพื่อตรวจสอบสภาวะของตลาด
สูตรพื้นฐานของ RSI คือ:
RSI = 100 – [100/ (1 + (ค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงราคาขาขึ้น/ค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงราคาขาลง)]
มาดูตัวอย่างของอินดิเคเตอร์ RSI ในภาพกราฟด้านล่าง
ขอบคุณรูปจาก Admirals
ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดด้วยโมเมนตัม (Momentum Trading)
หากคุณสงสัยว่า Momentum Indicator มีอะไรบ้าง เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับอินดิเคเตอร์ยอดนิยม 2 ชนิดที่เทรดเดอร์ใช้ร่วมกันบ่อยครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดและทำกำไร อย่างไรก็ตาม แนวคิดเหล่านี้เป็นเพียงสมมุติฐานตามทฤษฎี และวิธีที่ดีที่สุดในการทดสอบคือการเปิด บัญชีทดลอง เพื่อทดสอบกลยุทธ์และเครื่องมือต่าง ๆ ท้ายที่สุดแล้ว การเทรดมีทั้งโอกาสทำกำไรและขาดทุน ดังนั้น การเรียนรู้และทำความเข้าใจกับผลกระทบทางจิตวิทยาจากทั้งกำไรและขาดทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ตัวอย่างแนวคิดเชิงกลยุทธ์ ได้แก่:
การใช้กลยุทธ์เหล่านี้สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้ดีขึ้น แต่ควรทดสอบกับสถานการณ์จริงเพื่อเรียนรู้ว่ากลยุทธ์นั้นได้ผลหรือไม่ในสภาพตลาดต่าง ๆ
ไฮไลท์สี่เหลี่ยมสีเหลืองในกราฟด้านล่างแสดงให้เห็นถึงหลักการที่ตรงตามกราฟราคา H4 EURUSD:
ขอบคุณรูปจาก Admirals
ขอบคุณข้อมูลจาก Admirals
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กว่าจะมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เรื่องราวของ Vitalik Buterin เป็นมาอย่างไร?
15 ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ
การเทรด Forex ที่ประสบความสำเร็จสามารถเปรียบเทียบกับการเดินเรือข้ามมหาสมุทรที่ต้องใช้การวางแผนและความระมัดระวังในทุกขั้นตอน ซึ่งใน 5 วิธีที่กล่าวถึงนี้ ไม่มีขั้นตอนใดที่สามารถขาดไปได้: 1. Plan (การวางแผน) = จุดหมายปลายทาง 2. Strategy (กลยุทธ์) = แผนที่เส้นทางเพื่อที่จะไปยังจุดหมายปลายทาง 3. Risk Management (การจัดการความเสี่ยง) = ขับเรืออย่างระวังเพื่อที่จะไม่ให้ไปชนภูเขาน้ำแข็ง 4. Lookout for News (ติดตามข่าวสาร) = มีไหวพริบที่ดี สังเกตุถึงความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น 5. Play Your Own Game (เล่นเกมส์ชีวิตของตัวเองโดยไม่ไปแข่งกับผู้อื่น) = มุ่งไปหาเป้าหมายที่เราตั้งไว้
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัสเมื่อวานนี้ว่า
TMGM
Vantage
FXTM
OANDA
STARTRADER
Pepperstone
TMGM
Vantage
FXTM
OANDA
STARTRADER
Pepperstone
TMGM
Vantage
FXTM
OANDA
STARTRADER
Pepperstone
TMGM
Vantage
FXTM
OANDA
STARTRADER
Pepperstone