简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ: 2 กลยุทธ์นี้ ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยและเวลาที่สามารถเฝ้าหน้าจอได้ การเทรดแบบ Swing เป็นการเทรดระยะกลางที่อาศัยการวิเคราะห์แบบ Trend Following เช่น การวิเคราะห์ Moving Average, Trendline, และ Elliot Wave Theory ส่วนการเทรดแบบ Scalping เป็นการเทรดระยะสั้นมากๆ ที่อาจมีการซื้อขายหลายครั้งภายในหนึ่งวันและสั้นกว่า Day Trade ในการเทรดลักษณะนี้ อาจนำ RSI และ การวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน มาช่วยในการกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit
นักเทรดคงทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าการเทรดมีหลากหลายรูปแบบตามอุปนิสัย และลักษณะการจัดสรรเวลาของแต่ละบุคคล วันนี้แอดเหยี่ยวจะมาบอกถึงความแตกต่างระหว่าง Swing Trading และ Scalping Trading ซึ่งเป็นรูปแบบการเทรดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และบอกถึงข้อดี ข้อเสีย เพื่อจะได้ทำความเข้าใจให้มากขึ้น
การเทรด 2 รูปแบบนี้จะมีชื่อเรียกกันสั้นๆว่า สาย Swing และ สาย Scalper เป็นการวิเคราะห์เชิงเทคนิค โดยหาเทรนหรือจังหวะในการเข้าซื้อ เพื่อวางแผนและคอยติดตามสถานะของตลาด
Swing Trading
นักเทรดสาย Swing Trade เน้นการทำกำไรของ Trend ระดับกลาง จะมีระยะเวลาระดับ 1 วันขึ้นไปจนบางครั้งอาจถึง 1 สัปดาห์ เหมาะกับการเก็งกำไรที่ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอทั้งวัน แต่อาจใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมงต่อวันในเวลาว่าง ใช้กลยุทธ์แบบ Trend Following เป็นหลัก
การวิเคราะห์ของสาย Swing Trading
นักเทรดอาจเริ่มพิจารณาจากกราฟ 4 ชั่วโมง ไปจนถึงระดับวัน เพื่อหาความสอดคล้องของแนวโน้มว่ามีโอกาสพัฒนาไปในทิศทางใด ส่วนมากมักใช้ การวิเคราะห์ Trendline การวิเคราะห์แนวโน้มของ Moving Average และ Elliot Wave Theory มาเพื่อพิจารณาแนวโน้มของราคาและสถานะของตลาดในปัจจุบัน ในบางครั้งอาจใช้กราฟ 1 ชั่วโมงที่เล็กลงในการหาจุดเข้าซื้อที่ได้เปรียบขึ้นก็ได้เช่นกัน
ขอบคุณรูปจาก atozmarkets
ข้อดี ของสาย Swing Trading
1.ต้นทุนค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำกว่า หากเทียบกับสายเทรดระยะสั้น เพราะจำนวนการเทรดจะน้อยกว่ามาก
2.เวลาการเฝ้าหน้าจอน้อยกว่า Day Trade และ Scalping เหมาะสำหรับนักเทรดที่ทำงานประจำหรือไม่มีเวลาว่าง
3.Risk to Reward ค่อนข้างสูง เพราะมีโอกาสให้เทรนพัฒนาได้นานกว่าการเทรดระยะสั้น บางครั้งอาจมากถึง 3-4 เท่าต่อความเสี่ยง
ข้อเสีย ของสาย Swing Trading
กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยง Over night risk หรือการถือครองสถานะข้ามคืน ในช่วงเวลาที่คุณนอนหลับหรือไม่ได้เฝ้าหน้าจอ อาจมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น แต่หากคุณวางแผนกำหนดจุด Stop Loss ไว้ได้ดี ปัญหานี้ก็สามารถบรรเทาลงได้
Scalping Trading
นักเทรดสาย Scalping ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของตลาดในระยะที่สั้นมากๆ โดยมักพิจารณาตั้งแต่ระดับ 1 นาที ถึงระดับ 1 ชั่วโมง โดยใช้ระดับ 1 ชั่วโมงในการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดภายในวัน และใช้ระดับนาทีในการวางแผนเข้าซื้อและวางจุด Stop loss และ Take Profit ลักษณะการเทรดเหมาะกับตลาด Future ที่เพิ่มอัตราทดได้โดยมีระยะการถือครองสินทรัพย์ที่สั้นยิ่งกว่าสาย Day Trade นักเทรดจำเป็นต้องเฝ้าจอตลอดทั้งวันเพื่อมองหาจุดเข้าซื้อที่ได้เปรียบที่สุด โดยตัดสินใจได้อย่างละเอียดอ่อน และแม่นยำ เพราะการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยกระทบต่ออัตรา Risk to Reward สูง
การวิเคราะห์ของสาย Scalping Trading
นักเทรดสายนี้จำเป็นต้องมีประสบการณ์สูงทั้งการควบคุมอารมณ์ และความแม่นยำในการวิเคราะห์ โดยทั่วไปมักใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ระยะสั้นด้านโมเมนตั้มกลุ่ม Oscillator เช่น RSI และ Stochastic มองหากรอบการแกว่งตัวระยะสั้น โดยพิจารณาของกรอบ Sideway หรือ แนวรับและแนวต้าน ระยะสั้นที่ชัดเจน นักเทรดควรเข้าซื้อใกล้จุดแนวรับให้มากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงโดยมีจุด Stop loss กำหนดไว้ชัดเจน และตั้งจุดทำกำไรไว้ที่แนวต้านที่ใกล้เคียง นอกจากนี้อาจนำ RSI เช่นโซน Overbought, Oversold, และ Divergent เข้ามาช่วยพิจารณาเพิ่มเติม
ขอบคุณรูปจาก atozmarkets
ข้อดี ของสาย Scalping Trading
1.นักเทรดสามารถหาโอกาสทำกำไรได้ทุกวัน เพราะเทรดในกรอบระยะเวลาที่สั้นและมีความผันผวนสูงอยู่แล้ว ต่างจาก Swing Trade ที่จะต้องรอหาเทรนและเทรนระยะกลางอาจไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน
2.ความเสี่ยงด้านระยะเวลาต่ำ ทำให้พอร์ทของคุณมีสภาพคล่องที่สูง เพราะพอร์ทของคุณจะ Realize Profit และ Loss ทุกวัน หากคุณมีความจำเป็นต้องใช้เงิน สามารถถอนออกได้ทันทีเพราะไม่มีการเปิดสถานะข้ามคืนข้ามวัน
3.มีโอกาสสะสมกำไรได้สูงและมีค่าเสียโอกาสน้อย เพราะหากเทรดผิดทางนักเทรดสาย Scalping จะ Cut loss ทันที
ข้อเสีย ของสาย Scalping Trading
1.ความเครียดในการเทรดมีสูงมาก เนื่องจากต้องตัดสินใจในกรอบเวลาที่บีบบังคับ และต้องมีการควบคุมอารมณ์ที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอย่าง การเทรดล้างแค้น และการเสพติดการเทรด ที่ทำให้การตัดสินใจวางแผนและการควบคุมความเสี่ยงผิดพลาด ในบางครั้งมือใหม่อาจถูกล้างพอร์ทได้ภายในเวลาไม่ถึงวัน
2.ต้องการความชำนาญสูงทั้งในการวิเคราะห์เชิงเทคนิคและการควบคุมความเสี่ยง นักเทรดมือใหม่ควรเริ่มแต่น้อยไม่ควรนำเงินจำนวนมากมาเล่น การเทรดลักษณะนี้ถือว่า “มีความเสี่ยงรวมสูงที่สุด”
สรุป
โดย 2 กลยุทธ์นี้ ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยและเวลาที่สามารถเฝ้าหน้าจอได้ การเทรดแบบ Swing เป็นการเทรดระยะกลางที่อาศัยการวิเคราะห์แบบ Trend Following เช่น การวิเคราะห์ Moving Average, Trendline, และ Elliot Wave Theory
ส่วนการเทรดแบบ Scalping เป็นการเทรดระยะสั้นมากๆ ที่อาจมีการซื้อขายหลายครั้งภายในหนึ่งวันและสั้นกว่า Day Trade ในการเทรดลักษณะนี้ อาจนำ RSI และ การวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน มาช่วยในการกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit เพื่อควบคุมความเสี่ยงครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก th.beincrypto
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=syrc
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ