สรุปดราม่า DeFiLlama และ เหรียญ LLAMA

BeInCrypto - ทีม DeFiLlama ยืนยันว่าปัญหาภายในระหว่างทีมงานได้รับการแก้ไขแล้ว และจะไม่มีการ Fork แพลตฟอร์มใดๆ ส่วน เหรียญ LLAMA ของแพลตฟอร์มยังไม่มีข้อสรุปว่าจะมีการพัฒนาขึ้นมาหรือไม่

บริษัทวิเคราะห์การเงินแบบกระจายอำนาจ DeFiLlama ขอโทษสำหรับความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการอัปเดตที่แชร์บน Twitter ทีมงานอ้างว่ามันเกิดจาก “การสื่อสารที่ไม่ดีและการเข้าใจผิด” เกี่ยวกับดราม่าเรื่องเหรียญโทเค็นของแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม ทีมงานยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะเปิดตัวโทเค็นและการ airdrop ใดๆ ในขณะนี้ แต่จะมีการหารือกับชุมชนตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อ “ดำเนินการในลักษณะที่โปร่งใสมากขึ้นและให้แน่ใจว่าปัญหาจะไม่เกิดขึ้น อีกครั้ง”

ดราม่า เหรียญ LLAMA

ทุกอย่างเริ่มต้นจากความแตกแยกระหว่างผู้ร่วมก่อตั้งนามแฝง 0xLlam4 และ 0xngmi เนื่องจากแพลตฟอร์มขาดรายได้ ตามที่ “Tendeeno” อธิบายไว้

ด้าน 0xLlam4 ต้องการเปิดตัวโทเค็นของแพลตฟอร์ม และวางแผนที่จะทำเช่นนั้น “โดยไม่แน่ใจนักว่ามีการอนุมัติจากสมาชิกจากคนในทีมหรือไม่” แม้ว่า 0xLlam4 จะปฏิเสธแต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติมใดๆ

ในทางกลับกัน ทางทีมงานต่อต้านการเปิดตัวโทเค็นมาโดยตลอด Tendeeno เป็นคนหนึ่งที่กล่าวว่าการเปิดตัวดังกล่าวจะ “ทำลาย” ชื่อเสียงของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 0xLlam4 ที่เป็นผู้ควบคุมบัญชี Twitter และ Domain ของแพลตฟอร์ม สิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลว่า เขาอาจสามารถประกาศเปิดตัวโทเค็นได้ตลอดเวลาและ “ใช้มันเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับทีม”

ผู้ร่วมก่อตั้งอ้างว่า แพลตฟอร์มถูกเขาใช้เป็นตัวประกัน และพยายามชักจูงให้ผู้ใช้งานย้ายไปเวอร์ชั่น Fork ใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นบน Twitter ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากการทวีตครั้งแรก ข้อความที่ส่งในช่อง Telegram โครงการหนึ่งอ้างว่า 0xngmi นั้น “เริ่มน่ากังวล”

ข้อสรุปจาก DeFiLlama

หนึ่งวันต่อมา 0xngmi ระบุว่า “ทุกอย่างได้ถูกพูดคุยและเคลียร์กันแล้ว” และเสริมว่า การ Fork ถูกยกเลิกในขณะที่วางแผนที่จะทำงานทั้งหมดบน แพลตฟอร์มต่อไป

ด้าน Tendeeno ออกมาแถลงคอนเฟิร์มไปในทางเดียวกัน

“หลังจากมีการพูดคุยกันหลายครั้ง ทีมงานได้แก้ไขปัญหาภายในและตัดสินใจที่จะใช้งาน DL ต่อไปตามปกติ ทีมต้องการที่จะดำเนินการต่อและแต่จะไม่เผยแพร่ในที่สาธารณะ แต่ขอให้มั่นใจว่าทุกคนในทีมพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้พูดคุยกัน”

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก BeInCrypto