简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:โดย Noreen Burke Investing.com -- ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะเน้นไปที่คำปราศรัยของนายเจอโรม พาวเวลล์ หัว
โดย Noreen Burke
Investing.com -- ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะเน้นไปที่คำปราศรัยของนายเจอโรม พาวเวลล์ หัวหน้าธนาคารกลางสหรัฐในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางที่เมืองแจ็คสัน โฮล เพื่อรับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเส้นทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต การแถลงดังกล่าวอาจทำให้ตลาดสั่นคลอน โดยการแรลลี่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แสดงสัญญาณการชะลอตัวแล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่ในความสนใจเนื่องจากความกลัวว่าเศรษฐกิจจะถดถอย ในขณะเดียวกัน ข้อมูล PMI จากยูโรโซนและสหราชอาณาจักรคาดว่าจะชี้ให้เห็นถึงการชะลอตัวของกิจกรรมทางธุรกิจเพิ่มเติม นี่คือ 5 สิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อเริ่มต้นสัปดาห์การลงทุน
แจ็คสัน โฮล
นักลงทุนจะตั้งตารอการแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ในเมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิงในวันศุกร์นี้ เพื่อหาคำตอบที่เป็นไปได้ว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะสูงขึ้นแค่ไหน และระยะเวลาที่พวกเขาจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุม
เฟดขึ้น อัตราดอกเบี้ย ไป 225 จุดตั้งแต่เดือนมีนาคมเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อซึ่งกำลังสูงสุดในรอบสี่ทศวรรษ
ผู้กำหนดนโยบายของเฟดได้ย้ำว่ายังคงมีหนทางที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ ผลักดันความคาดหวังของอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุด เรียกกันว่า dovish pivot ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนหุ้น
รายงานการประชุมของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่าในขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนยังคงอยู่ในแผนของผู้กำหนดนโยบาย รู้สึกว่ายังมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่แสดงว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลง
พาวเวลล์มีแนวโน้มที่จะเตือนนักลงทุนว่ารายงานอัตราเงินเฟ้อและรายงานการจ้างงานจะมาก่อนที่เจ้าหน้าจะจัดการประชุมเดือนกันยายนนั้นยังคงมีเวลา เพื่อตัดสินใจ ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยควรมากเพียงใด
ข้อมูลจากสหรัฐฯ
ปฏิทินเศรษฐกิจสำหรับสัปดาห์นี้ประกอบด้วยตัวเลขเดือนกรกฎาคมของ รายได้ส่วนบุคคล และ การใช้จ่าย ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล มาตรการเงินเฟ้อที่เฟดต้องการนำมาใช้ประเมินเงินเฟ้อ
ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนมิถุนายน ดัชนีราคา PCE เพิ่มขึ้น 6.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่มกราคม 1982
ข้อมูลอื่น ๆ รวมถึงตัวเลขของไตรมาสที่สองที่แก้ไขแล้ว GDP ซึ่งแต่เดิมหดตัวลง 0.9%
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเกี่ยวกับ คำสั่งซื้อสินค้าคงทน, การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก และข้อมูล PMI สำหรับเดือนกรกฎาคม ในขณะเดียวกัน ข้อมูลเกี่ยวกับ ยอดขายบ้านใหม่ ซึ่งจะทำให้เห็นชัดเจนขึ้นว่าภาคอสังหาฯที่ชะลอตัวเป็นอย่างไร
Stocks
หุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทที่แข็งแกร่งเกินคาด และหวังว่าเศรษฐกิจจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ แม้ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อก็ตาม
ตลาดได้เพิ่มขึ้นแม้จะมีคำเตือนจากผู้กำหนดนโยบายของเฟดว่าการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งสูงสุดและสิ่งที่เรียกว่า dovish pivot จากธนาคารกลางอาจชิงสุกก่อนห่าม
แต่มีสัญญาณว่าการแรลลี่อาจเริ่มชะลอตัวหลังจากดัชนีหลักสามดัชนีของ Wall Street สิ้นสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วปิดตัวต่ำลง S&P 500 ลดลงประมาณ 1.2% และ Nasdaq ลดลง 2.6% ทั้งคู่ทำสถิติขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาสี่สัปดาห์ ดาวโจนส์ ขาดทุนประมาณ 0.2% สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์
“เมื่อนักลงทุนเริ่มกลับมาจากวันหยุดและมองย้อนกลับไป … พวกเขาจะพบว่าธนาคารกลางยังห่างไกลจากการบรรลุเป้าหมายในการควบคุมเงินเฟ้อ” นักยุทธศาสตร์ด้านอัตราของ ING กล่าวในหมายเหตุถึงลูกค้า
“นั่นหมายถึงการแย่งชิงกันอย่างต่อเนื่องระหว่างความคาดหวังที่รัดกุมของธนาคารกลางและความกลัวภาวะถดถอย”
PMIs ของยูโรโซน
ยูโรโซนจะเปิดเผยข้อมูล PMI เดือนสิงหาคมในวันอังคาร ซึ่งจะมีการจับตาอย่างใกล้ชิดหลังจากดัชนี PMI ประกอบของเดือนกรกฎาคมลดลงต่ำกว่า 50 ชี้ให้เห็นถึงกิจกรรมทางธุรกิจที่หดตัว ตัวเลข PMI คาดว่าจะลดลงอีกครั้ง โดยราคาพลังงานในเขตยูโรยังคงเพิ่มขึ้น
กลุ่มจะเปิดเผยข้อมูลของ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค สำหรับเดือนสิงหาคมในวันอังคารหน้า ซึ่งคาดว่าจะแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกรกฎาคม
ตลาดจะดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป เดือนกรกฎาคม ในวันพฤหัสบดี เพื่อรับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนหลังจากเจ้าหน้าที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% เมื่อเดือนที่แล้ว และเผยความตั้งใจที่จะเพิ่มขึ้นอีกในการประชุมที่จะเกิดขึ้นโดยยังไม่บอกว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่
PMIs ของสหราชอาณาจักร
สหราชอาณาจักรจะเผยแพร่ข้อมูล PMI ในวันอังคารนี้ ซึ่งจะมีการจับตาอย่างใกล้ชิดหลังจากธนาคารกลางอังกฤษเตือนเมื่อต้นเดือนนี้ว่าจะมีภาวะถดถอย 15 เดือนนับตั้งแต่สิ้นปีนี้
อัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักร แตะ 10.1% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1982 และนักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดการณ์ว่าจะแตะระดับ 15% ในไตรมาสแรกของปีหน้า ท่ามกลางต้นทุนด้านพลังงานและอาหารที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่าค่าจ้างยังคงตามหลังการเติบโตของราคาอย่างมาก และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ธนาคารกลางอังกฤษได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วหกครั้งตั้งแต่เดือนธันวาคม ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวฉุดรั้งการเติบโต แต่สัญญาณของแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ขยายวงกว้างได้กระตุ้นให้นักเศรษฐศาสตร์เพิ่มการคาดการณ์สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
-- ข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
HFM
Tickmill
STARTRADER
FP Markets
VT Markets
Vantage
HFM
Tickmill
STARTRADER
FP Markets
VT Markets
Vantage
HFM
Tickmill
STARTRADER
FP Markets
VT Markets
Vantage
HFM
Tickmill
STARTRADER
FP Markets
VT Markets
Vantage