[รีวิว] วิธีการใช้งานแพลตฟอร์ม “ยืมมั้ย” บน Bitkub Chain ฉบับสมบูรณ์

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับแพลตฟอร์ม “ยืมมั้ย” แพลตฟอร์มเช่าสินทรัพย์ดิจิทัลสัญชาติไทยบน Bitkub Chain ที่ได้มีการผสมผสานระหว่างการเงินแบบรวมศูนย์และแบบกระจายศูนย์ (CeDeFi) สำหรับแพลตฟอร์ม “ยืมมั้ย” นั้นได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในขณะที่เหรียญ YES ซึ่งเป็นโทเคนที่ได้รับการรับรองโดย บิทคับ เชน (Verified by BitKub Chain) และถูกพัฒนาโดยแพลตฟอร์ม “ยืมมั้ย” ก็ได้ถูกนำมาตั้ง AMM Pool คู่กับเหรียญ KKUB, KUSDT, KUSDC ในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังมีผู้ใช้งานทั้งมือเก่าและมือใหม่อีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีใช้งานเกี่ยวกับแพลตฟอร์มยืมมั้ย ที่ตั้งอยู่บนเครือข่าย Bitkub Chain ดังนั้นทางผู้เขียนสยามบล็อกเชนจึงอยากจะมานำเสนอวิธีการใช้งานตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวิธีการเช่าสินทรัพย์บนแพลตฟอร์ม “ยืมมั้ย” เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้กับเพื่อน ๆ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแพลตฟอร์มยืมมั้ย ยืมมั้ยเป็นแพลตฟอร์ม Lending ที่เปิดให้บริการโดยบริษัทยืมมั้ย (ประเทศไทย) จำกัด โดยผสมผสานระหว่างการเงินแบบรวมศูนย์ และการเงินแบบกระจายศูนย์ (CeDeFi) กล่าวคือ เป็นบริการปล่อยเช่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการทำงานแบบกระจายศูนย์ ผู้ปล่อยยืมสามารถปล่อยยืมสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน (KYC) ส่วนบริการยืมจะถูกควบคุมโดยบริษัทยืมมั้ย (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อจัดการความเสี่ยงให้แก่ผู้ปล่อยยืม โดยระบบจะมีการใช้เหรียญ YES Token เป็นกลไกหลักเพื่อประเมินคะแนนความน่าเชื่อถือของผู้ยืม เหรียญ YES จะถูกแจกจ่ายให้แก่ลูกค้าบริการยืมมั้ย โดยพิจารณาจากพฤติกรรมของลูกค้า เมื่อผู้ยืมต้องการยืมสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากระบบผู้ยืมต้องวางเหรียญ YES เพื่อค้ำประกัน เพื่อจัดการกับความเสี่ยงในระบบ บริษัทยืมมั้ย ( ประเทศไทย) จำกัด มีกลไกการจำกัดมูลค่าการยืมต่อครั้ง ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่ชำระ และป้องกันความเสียหายต่อสินทรัพย์ของผู้ปล่อยยืมให้ได้มากที่สุด จากภาพด้านบนอธิบายได้ว่า เมื่อผู้ใช้ทำการสมัครสมาชิก หรือชำระเงินไปยังระบบยืมมั้ย ระบบจะคำนวณปริมาณเหรียญ YES Token ที่จะปล่อยให้แก่ลูกค้า เหรียญที่ถูกส่งไปยัง YES Vault และถูกล็อกไว้เป็นเวลา 10 เดือนนับตั้งแต่ระบบเปิดให้บริการ จำนวนเหรียญ YES ที่เก็บอยู่บน YES Vault จะถูกนับเป็นมูลค่าการค้ำประกันของเจ้าของเหรียญ เมื่อผู้ใช้ (หรือผู้ยืม) มีมูลค่าการค้ำประกัน และมีมูลค่าจำกัดในการยืมที่เพียงพอ จะสามารถดำเนินการยืมสินทรัพย์ดิจิทัลจาก