ดอลลาร์แข็งค่า หลังเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเช้าวันพฤหัสบดีที่เอเชีย ค่าเงินสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับสูงสุดในปี 2564 เมื่อเทียบกับเงินปอนด์และยูโร ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วหลังจาก อัตราเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี และการเดิมพันว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

เงินยูโรร่วงลง 1% สู่ระดับ 1.1476 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 หลังจากที่สหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเมื่อวันพุธ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 6.2% ปีต่อปี และ 0.9% เดือนต่อเดือน ในเดือนตุลาคม core CPI เพิ่มขึ้น 4.6% ปีต่อปี และ 0.6% เดือนต่อเดือน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แนะผู้ค้าเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากราคายังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรย์ แอททริล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ FXNational Australia Bank (OTC:NABZY) บอกกับรอยเตอร์ส

“ตลาดยังคงเชื่อถือแก่เฟด ว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อที่สูงมากยังคงมีอยู่อย่างไม่มีกำหนด” และหากดัชนีค่าเงินดอลลาร์ขยับขึ้นสูงกว่า 95 นักลงทุนอาจเริ่มหาทางหนีทีไล่

“มันเป็นระดับที่ค่อนข้างมีนัยสำคัญในทางเทคนิค และถ้าเราสามารถผ่านมันได้ ก็จะมีคนจำนวนมากขึ้นยอมแพ้”

ด้านเอเชียแปซิฟิก ออสเตรเลียยังเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานในช่วงเช้าของวัน ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน หดตัว 46,300 และ การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานแบบเต็มเวลา หดตัว 40,400 ในเดือนตุลาคม อัตราการว่างงาน เพิ่มขึ้นเป็น 5.2%

ตอนนี้นักลงทุนมองไปที่ผลกระทบของข้อมูลต่อการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟดเพื่อวัดความเป็นไปได้ที่เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก

“จากมุมมองของอัตราแลกเปลี่ยน เราอยู่ท่ามกลางความเห็นที่ขัดแย้ง” อลัน รัสกิน นักยุทธศาสตร์ของ Deutsche Bank (DE:DBKGn) กล่าวกับรอยเตอร์ส

“สำหรับค่าเงินดอลลาร์ เราอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากเฟดไม่ตอบสนองต่อเงินเฟ้อที่สูง ค่าเงินดอลลาร์จะติดลบ หากเฟดปรับให้ตึงตัวขึ้น แสดงว่าดอลลาร์เป็นบวก ตอนนี้ เงินดอลลาร์ติดอยู่ระหว่างสองเงื่อนไขนี้” เขากล่าวเสริม

ค่าเงินบาท อ่อนค่าในวันนี้ ซื้อขายล่าสุดในช่วงบ่ายที่ 32.880 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหลัก