น้ำมันปรับตัวขึ้นอีก หลังอุตสาหกรรมหนีมาใช้น้ำมันแทนก๊าซที่ราคาสูง

โดย Gina Lee

ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในเช้าวันศุกร์ในเอเชีย โดยบางอุตสาหกรรมเริ่มเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากก๊าซที่ราคาสูงขึ้นมาใช้น้ำมันแทน ยังมีคำถามอยู่ว่าสหรัฐฯ จะปล่อยน้ำมันจากแหล่งสำรองออกมาเมื่อใด

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.11% เป็น 82.86 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 23:48 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (3:48 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.19% เป็น 79.23 ดอลลาร์ ดัชนีน้ำมันทั้งสองเพิ่มขึ้นประมาณ 1.1% ในวันพฤหัสบดี กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง และคาดว่าจะกระโดดขึ้น 4% ในสัปดาห์นี้

“ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่กระทรวงพลังงานสหรัฐกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะใช้ประโยชน์จากน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ 'ในเวลานี้' เพื่อทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง” วิเวก ดาร์ นักวิเคราะห์ของธนาคารคอมมอนเวลธ์กล่าวในหมายเหตุ

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียระบุว่ากระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ไม่ได้พิจารณาที่จะกลยุทธ์ดังกล่าวที่จะไม่นำน้ำมันในคลังสำรองออกมาใช้ “ในเวลานี้” นั้นไม่ถูกต้อง แหล่งข่าวแห่งหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์ส

น้ำมันปรับราคาขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ เนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเพื่อการผลิตไฟฟ้าและโดยบางอุตสาหกรรม หลังราคาก๊าซเพิ่มสูงขึ้น องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC) ยังตัดสินใจที่จะดำเนินการตามแผนที่จะเพิ่มอุปทานเพียง 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤศจิกายน 2564 ในการประชุมเมื่อต้นสัปดาห์

ราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นและปริมาณการเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากก๊าซเป็นน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรจับตามอง

“การเร่งความเร็วในการเปลี่ยนจากก๊าซเป็นน้ำมันอาจช่วยเพิ่มความต้องการน้ำมันดิบที่ใช้ในการผลิตพลังงานในฤดูหนาวที่ซีกโลกเหนือที่จะมาถึงนี้” นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ ANZ กล่าวในหมายเหตุ และเสริมว่าน้ำมันกลั่นในคลังของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงดีเซลและ น้ำมันทำความร้อน อยู่ในช่วงต่ำสุดตั้งแต่ปี 2000 ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง

นักวิเคราะห์ของ JP Morgan กล่าวในหมายเหตุว่าพวกเขาไม่รับทราบข้อมูลว่ามีการเปลี่ยนการใช้ก๊าซเป็นน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญในภาคพลังงานของยุโรป “ซึ่งหมายความว่าประมาณการของเราที่ต้องการเปลี่ยนจากก๊าซเป็นน้ำมันจำนวน 750,000 บาร์เรลต่อวันนั้นเกินจริงไปมาก” เขากล่าวเสริม