วิเคราะห์กราฟทองคำ XAUUSD

สรุปราคาทองคําวานนี้ปิดทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง แม้ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย ราคาทองคําจะฟื้นตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,738.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน อย่างไรก็ดี ราคาทองคําไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้และอ่อนตัวลงมาอีกครั้งโดยได้รับแรงกดดันจากการอ่อนค่าสกุลเงินยูโรแตะระดับต่ําสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์

หลังศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนี้ในเดือนส.ค.มิติลงเหลือ 40.4 จาก 63.3 จุดในเดือนก่อนหน้า ต่ํากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 56.7 นอกจากนี้ ราคาทองคํา ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 แตะ 1.3593% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. หลังวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมเปิดการอภิปรายเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายมูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ นั่นหมายถึงอุปทานพันธบัตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตซึ่งเป็นปัจจัยหนุนบอนด์ยีลด์จน ส่งผลกดดันทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย

ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ปิดทํานิวไฮขานรับข่าวดังกล่าวเช่นกัน ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ ราคาทองคําอ่อนตัวลงทดสอบระดับต่ําสุดบริเวณ 1,717.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามาพยุงราคาทองคําเอาไว้ ด้านกองทุน SFOR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นหนึ่งมาตรวัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ตัวเลขที่ออกมาจะกระทบต่อการคาดการณ์การดําเนินนโยบายการเงินของเฟดและอาจสร้างความฝันผวนให้ราคาทองคําได้ รวมถึงติดตามถ้อยแถลงของนายบอสติก ประธานเฟดแอตแลนตาเพิ่ม

ระยะสั้นราคากลับมาแกว่งตัวในกรอบ หลังจากราคาพยายามดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ 1,738- 1,743 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากแรงซื้อจํากัดหรือไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซนได้อย่างมั่นคง อาจมี แรงขายกดดันให้ราคาอ่อนตัวลง ซึ่งประเมินกรอบแนวรับด้านล่างบริเวณ 1,717-1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์

คําแนะนํา เน้นเก็งกําไรในกรอบจากการแกว่งตัว โดย เปิดสถานะขายในโซน 1,738-1,743 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาผ่านได้) ทยอยเข้าซื้อคืนเพื่อทํากําไร บริเวณ 1,717-1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคํา ยืนเหนือแนวรับได้