简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ชายหนุ่มที่ตัดสินใจปฏิเสธการเข้าเรียนวิทยาลัยที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน เพื่อหันหน้ามาสร้างรายได้จากการขุด ‘Bitcoin’ แทน ซึ่งเขาสามารถทำได้ถึง 54,000 ดอลลาร์ ต่อปีเลยทีเดียว
บทความนี้ ‘Wikibit’ มีเรื่องราวดีๆ ของชายหนุ่มที่ตัดสินใจปฏิเสธการเข้าเรียนวิทยาลัยที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน เพื่อหันหน้ามาสร้างรายได้จากการขุด ‘Bitcoin’ แทน ซึ่งเขาสามารถทำได้ถึง 54,000 ดอลลาร์ ต่อปีเลยทีเดียว บอกได้เลยว่าใครที่ฝันอยากเป็นนักขุด ‘Bitcoin’ และต้องการแรงบันดาลใจดีๆ ห้ามพลาด!!
‘Nick Sears’ ชายหนุ่มวัย 19 ปี จากเมือง ‘Dallesport’ รัฐวอชิงตัน ได้อาศัยอยู่ที่เหมืองขุด ‘Bitcoin’ ที่ตัวเองมีส่วนช่วยในการสร้างตั้งแต่อายุ 17 ปี อย่าง ‘SCATE Ventures’ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่มีเครื่องขุด ‘Bitcoin’ มากถึง 4,500 เครื่อง โดยล่าสุด ‘Sears’ ได้ปฏิเสธการเรียนต่อที่วิทยาลัยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ผมไม่คิดว่าการไปเรียนต่อวิทยาลัยที่ทุกคนใฝ่ฝัน จะช่วยเติมเต็มความรู้ให้ผมในเรื่องของการซ่อมแซมเครื่องขุด ‘Bitcoin’ ได้” Nick Sears กล่าวในระหว่างสัมภาษณ์กับ CNBC
‘Sears’ ใช้เวลาทุกวันในวัย 17 ปี เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการใช้งาน และซ่อมแซมเครื่องขุด ‘Bitcoin’ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยสำหรับเด็กในวัยนั้น โดยเจ้าตัวบอกว่า ในช่วงแรกที่เขาเข้ามาในโรงงานแห่งนี้ เขาและทีมงานได้มีการเซ็ตอัพเครื่องมือต่างๆ ไปจนถึงระบบเครือข่ายข่ายอินเทอร์เน็ตเองทั้งหมด
จนกระทั่งโครงสร้างทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เขาได้จัดตารางเวลาให้กับตัวเอง และทีมงาน เพื่อทำการเฝ้าระวัง เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น ซึ่ง ‘Sears’ ได้ยอมรับว่าเขารู้สึกสนุกกับชีวิตมาก เพราะทุกเช้าที่เขาได้ตื่นมานั้น เขาจะพบกับปัญหาต่างๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาเครื่องขุดหยุดทำงาน หรือมีความขัดข้อง และอื่นๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ ‘Sears’ ยังได้ค่าตอบแทนในการทำงานที่เหมืองขุด ‘Bitcoin’ จาก ‘Scott Bennett’ CEO ของเหมืองขุด ‘SCATE Ventures’ สูงถึง 54,000 ดอลลาร์ พร้อมประกันสุขภาพเต็มรูปแบบ นอกจากนี้เขายังได้มอบเครื่องขุดให้กับพนักงานโดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งสร้างผลตอบแทนสูงถึง 0.02 BTC ต่อไตรมาส
โดย ‘SCATE Ventures’ นั้นเป็นเหมืองขุด ‘Bitcoin’ ที่ตั้งติดอยู่กับแม่น้ำโคลัมเบีย และเขื่อน ‘Dalles’ ซึ่งบริษัทได้รวบรวมแหล่งพลังงานน้ำหมุนเวียนที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อใช้ในการป้อนพลังงานสะอาด ให้กับเครื่องขุด ‘Bitcoin’ โดยตรง “เราชอบแหล่งพลังงานที่นั่น เนื่องจากมันมีราคาถูก สามารถหมุนเวียนได้ และมีปริมาณมาก แถมสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างของเรา ก็มาจากพลังงานน้ำ 100%” ‘Scott Bennett’ กล่าว
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนได้ ซึ่งใครที่ชื่นชอบการขุด ‘Bitcoin’ หรืออยากจะลงทุนในตลาดคริปโต ก็อย่ามัวแต่นอนอยู่เฉย ลุกขึ้นมาหาข้อมูลศึกษา และเริ่มวางแผนลงมือทำได้แล้ว เพราะเราเชื่อว่าคุณเองก็สามารถประสบความสำเร็จในอนาคตได้ แต่ที่สำคัญหากคุณเลือกที่จะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเทรดคริปโตแล้วละก็ อย่าลืมโหลดแอป ‘Wikibit’ ติดไว้ในมือถือ เพราะแอปนี้สามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ‘แอปเทรดคริปโต’ ‘เหรียญคริปโต’ และ ‘DeFi’ ได้ แถมคุณยังสามารถติดข่าวสารดีๆ สาระความรู้ และกลโกงต่างๆ ได้อย่างจุใจที่แอป ‘Wikibit’ อีกด้วย
แอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ เป็นแอปที่คุณสามารถใช้ตรวจสอบ ‘แอปเทรดคริปโต’ ‘เหรียญคริปโต’ และ ‘DeFi’ ได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่กดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้น ‘Whitepaper’ แถมตัวแอปยังมีการอัปเดตข้อมูลข่าวสาร และรูปแบบกลโกงในวงการคริปโตไว้ให้คุณได้ศึกษาอีกด้วย ถือว่าครบจบในแอปเดียว โหลดเลย!!
ติดตามข้อมูลข่าวสารวงการคริปโต พร้อมตรวจสอบ Exchange ทั่วโลก รวบรวมข้อมูล Shitcoin และโครงการเถื่อน ได้ที่….
App : “WikiBit” (ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ฟรี!)
Facebook : https://www.facebook.com/Wikibit.th/ (กด SEE FRIST เพื่อที่คุณจะไม่พลาดข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ จากทางเพจ)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : siamblockchain / ผู้จัดการออนไลน์
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทวิเคราะห์ราคาบิตคอยน์
บทวิเคราะห์ราคาบิตคอยน์
บทวิเคราะห์ Bitcoin
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า