กูรูอธิบายถึงสาเหตุที่ Ethereum จะสามารถแซงหน้า Bitcoin ได้

นักวิเคราะห์ชื่อดังจากรายการ Coin Bureau ได้ออกมาอธิบายว่าเหตุใดเขาจึงคิดว่า Ethereum (ETH) มีโอกาสที่จะเข้าสามารถแซงหน้า Bitcoin (BTC) ได้ในแง่มูลค่าตลาด โดยอ้างอิงจากวีดีโอล่าสุดของเขานั้น ผู้ใช้นามแฝงว่า Guy ได้ออกมากล่าวกับผู้ติดตามจำนวน 1.17 ล้านคนของเขาว่าวงการ decentralized finance ( DeFi) นั้นมีโอกาสที่จะดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในตลาดได้จำนวนมาก เนื่องจากว่าผลตอบแทนของมันที่มากกว่าระบบการเงินแบบเก่า เนื่องจาก DeFi นั้นทำงานอยู่บน Ethereum เป็นส่วนใหญ่ นักวิเคราะห์กล่าวว่ามันมีความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นของจำนวน protocol เหล่านี้จะกระตุ้นให้ ETH กลายเป็นเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด เขากล่าวว่าตัวกระตุ้นที่เป็นไปได้อาจเป็น Ethereum และแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะอื่น ๆ ที่กำลังจะถูกอัพเกรดเพื่อให้ค่าธรรมเนียมถูกลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น “เมื่อการอัพเกรดเหล่านี้ผ่านพ้นไป ความต้องการสำหรับเหรียญคริปโตสัญญาอัจฉริยะเหล่านี้จะพุ่งขึ้นสูงอย่างมาก ด้วยเหตุผลหลัก ๆ อย่าง DeFi เนื่องจากผลตอบแทนที่คุณสามารถหาได้จากโปรโตคอลบน DeFi ส่วนใหญ่นั้นสูงกว่าระบบการเงินแบบ centralized อื่น ๆ ที่สามารถให้คุณได้ในปัจจุบัน นักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยต่างรู้สึกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและอัตราเงินเฟ้อสูง ซึ่งทำให้ผลตอบแทนต่ำกว่า 5-7% และพเป็นตัวเลขจุดคุ้มทุน นี่คือเหตุผลที่นักลงทุนสถาบันได้ลงทุนใน DeFi… ในขณะที่ Bitcoin ยังคงฟื้นตัวจากการล่มสลายของอัตราแรงขุด Ethereum ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนักและระบบนิเวศ DeFi นั้นก็มีเสถียรภาพเช่นเดียวกัน ผมแน่ใจว่าสถาบันต่างๆ ก็ชอบที่พวกเขาสามารถลงทุนใน Ethereum 2.0 ได้ด้วยการ stake เหรียญ ETH ซึ่งตอนนี้มีตัวแทนที่ทำแบบนั้นได้แล้วในสวิตเซอร์แลนด์” นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกด้วยว่า Ethereum นั้นยังมีโอกาสที่จะวิ่งแซงหน้า Bitcoin ได้ในอนาคต และกล่าวถึงตัวแปรที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้ “ด้วยปัจจัยเหล่านี้และปัจจัยอื่นๆ เช่น การยอมรับของผู้ใช้ทั่วไป ผมคิดว่ามันเป็นไปได้มากที่เราจะเห็น Ethereum แซงหน้า Bitcoin ตามมูลค่าตลาดเมื่อเกิดตลาดขาขึ้นครั้งต่อไป สิ่งนี้รับประกันได้หาก Ethereum มีการเปิดตัวกองทุน ETF ก่อน Bitcoin และดูเหมือนว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้น” ในตอนนี้มีกองทุน Ethereum (ETFs) หลายกองทุนที่ได้ถูกยื่นขอจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (SEC) แต่ไม่มีผู้ใดได้รับการอนุมัติเลยสักราย แต่กระนั้นเขาก็ระบุว่ามันมีโอกาสที่เอกสารดังกล่าวที่ถูกยื่นไปจะได้รับการอนุมัติแล้ว