简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เชื่อว่าหลายคนคงต้องรู้จักวิฤตการเงินที่ร้ายแรงที่สุดครั้งนึงของโลก วิฤตของประเทศ ‘เวเนซูเอลา’ จากประเทศที่ร่ำรวยมหาศาลจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดในโลก กลายเป็นประเทศเศรษฐกิจตกต่ำจมดิน
เชื่อว่าหลายคนคงต้องรู้จักวิฤตการเงินที่ร้ายแรงที่สุดครั้งนึงของโลก วิฤตของประเทศ ‘เวเนซูเอลา’ จากประเทศที่ร่ำรวยมหาศาลจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดในโลก กลายเป็นประเทศเศรษฐกิจตกต่ำจมดิน เงินไร้ค่า คนอดอยาก ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร ใช่ความผิดพลาดของการบริหารประเทศหรือไม่ ติดตามได้ในบทความนี้
เวเนซุเอลาเป็นประเทศที่มีทรัพยากรน้ำมันและพลังงานธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก นำมาซึ่งรายได้มากมายมหาศาล รัฐบาลเวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกมากมาย ยิ่งราคาน้ำมันดิบขึ้นมาก ประเทศเวเนซุเอลายิ่งร่ำรวย รายได้ของรัฐกว่า 95% มาจากการส่งออกน้ำมัน
จนเมื่อปี 1976 รัฐบาลของประธานาธิบดีคาร์ลอส แอนเดรส เปเรซ ออกนโยบายตั้ง “บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ” เพื่อให้รัฐบาลเข้าไปควบคุมธุรกิจพลังงานทั้งหมดในประเทศ แทนที่จะเป็นบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ผลคือ ทำให้รัฐบาลเวเนซุเอลาตอนนั้นรวยขึ้นแบบสุด ๆ จากการขายน้ำมัน แต่กลับบริหารจัดการทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์นี้อย่างไร้ประสิทธิภาพ
ก่อนที่ในปี 1999 “ฮูโก ชาเวซ” จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งเขามีแนวคิดรัฐสวัสดิการ จึงนำเงินจำนวนมากมาใช้กับโครงการประชานิยมแบบสุดโต่ง เพื่อเอาใจประชาชนด้วยหวังจะได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน เช่น อุ้มราคาสินค้า โดยควบคุมและกำหนดราคาสินค้าให้ถูกกว่าความเป็นจริงมาก จนภาคธุรกิจขาดทุนอยู่ไม่ได้, ทำลายกลไกราคาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ด้วยการสร้างบ้านให้ประชาชนกว่า 2 ล้านหลัง อุดหนุนราคาพลังงานให้ถูกราวกับแจกฟรี ทำให้ประชาชนผลาญพลังงานอย่างสิ้นเปลือง
ปี 2003 ชาเวซตัดสินใจเข้าควบคุมอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราควบคุมให้คงที่และต้องซื้อขายผ่านคนกลางของรัฐบาล ทำให้กลไกตลาดของค่าเงินเปลี่ยนแปลงไป ประชาชนไม่สามารถแลกเปลี่ยนเงินตราเองได้ จนนำไปสู่ตลาดมืดและการพังทลายของค่าเงินที่รัฐไม่อาจควบคุม ซึ่งเป็นเหตุให้ตลาดค่าเงินเวเนซุเอลาพัง ขาดแคลนเงินสกุลต่างชาติ เป็นจุดเริ่มต้นของเงินเฟ้อขั้นรุนแรง
2013 ชาเวซเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และเขาได้เลือกนายมาดูโรขึ้นเป็นผู้สืบทอดของเขา ในสายตาของชาวเวเนซุเอลา นายชาเวซยังเป็นวีรบุรุษเพื่อคนจนของประเทศนี้เสมอ อาจจะเป็นจังหวะพอเหมาะพอสมที่ปัญหาที่น่ากลัวยังไม่เกิด นายชาเวซจึงกลายเป็นที่ยกย่อง ถึงแม้ว่าเขาจะได้วางรากฐานหลายอย่างที่เป็นโครงสร้างของเนื้อร้ายที่พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน
แม้จะเปลี่ยนผู้นำประเทศ แต่รัฐบาลก็ยังไม่หยุดใช้นโยบายประชานิยมต่อไป จนเกิดวิฤตที่ประขึ้นแรงแบบที่ใครไม่อาจคาด เมื่อวันที่ฟ้าใส ๆ กลายเป็นครึ้มหนัก เมื่อประเทศที่พึ่งรายได้จากนำมันอย่างเดียว เจอวิกฤตราคาน้ำมันตกต่ำ ในช่วงปี 2014-2016 ราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากที่เคยสูงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เวเนซุเอลารับผลกระทบไปเต็ม ๆ จนรายได้หายไปมหาศาล
แม้จะมีสัญญาณเตือนถึงปัญหาเศรษฐกิจ ทว่า รัฐบาลกลับไม่เลือกใช้นโยบายรัดเข็มขัด แต่ยังคงเดินหน้าอัดฉีดเงินเพื่อประชานิยมต่อไป แถมยังหมดเงินจำนวนมากไปกับการซื้อเครื่องบินรบ รถถัง เพื่อเสริมกองทัพ จนต้องกู้เงินจากจีนและรัสเซีย ที่สำคัญคือ บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ก็เจอกับภาวะขาดทุน เพราะการบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพของภาครัฐ
2016 ราคาน้ำมันยังคงลดลงต่อเนื่อง สถานการณ์ภายในประเทศก็วิกฤตถึงขีดสุด หน่วยงานรัฐแทบจะไม่มีเงินมาจ่ายเงินเดือนคนงาน ถึงขั้นต้องให้หยุดงาน โดยมาทำแค่สัปดาห์ละ 2-3 วัน ระบบเศรษฐกิจของประเทศแทบหยุดชะงัก คนในประเทศก็แทบจะทำอะไรไม่ได้ การล่มสลายทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศเวเนซุเอลามีคนแค่ 2 ชนชั้น ก็คือคนรวยมาก และคนจนมาก รัฐบาลมาดูโร่ พยายามแก้ปัญหาเงินเฟ้อหลายวิธี ทั้งการเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำ 30 เท่า ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ทั้งการสร้างเงินสกุลใหม่ที่มีค่ามากกว่าเงินสกุลเดิม 100,000 เท่า เพื่อให้คนไม่ต้องขนเงินเป็นกระสอบไปซื้อของ ด้วยความที่เขาไม่อยากเป็น “ประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ 50 ปีของเวเนซุเอล่า ที่ตัดโครงการประชานิยมทิ้ง” ปัจจุบัน คนจนในเวเนซุเอล่า ต้องเลือกระหว่าง จะเป็นพวกแบมือขอ หรือจะเป็นพวกดิ้นรนไปตายเอาดาบหน้าคนเวเนซุเอล่า 3-4 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดราว 32 ล้านคน ทำการอพยพลี้ภัยไปยังประเทศข้างเคียงอย่างบราซิล หรือโคลัมเบีย ขณะที่ตามท้องถนนในบางเมือง ก็มีผู้อพยพเร่ร่อนชาวเวเนซุเอล่า ที่ไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนนับพัน
ปัญหาผู้อพยพชาวเวเนซุเอลา กลายเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก เป็นรองเพียงปัญหาผู้อพยพชาวซีเรียจากตะวันออกกลางไปยุโรปเท่านั้น โดยที่ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการประท้วงในเวเนซุเอลา ก็ไม่ได้มีท่าทีจะทุเลาลงแต่อย่างใด กลับมามองที่ประเทศเรา ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงต้องคิด ๆ บ้างแหละว่าไทยเรามีโอกาสไปเผชิญวิฤตแบบนั้นมั้ย จริง ๆ เราก็ตอบได้ยากเนอะ เพราะการบริหารบางอย่างของเวเนซูเอลาเอง ก็แอบคล้าย ๆ ที่เราพบเห็นทุกวันนี้ ในขณะที่ภาคการลงทุน การบริหารโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ หรือบางนโยบายเราก็ยังทำได้ดีกว่ามาก เราสรุปไม่ได้ว่าไทยมีโอกาสเป็นแบบเวเนซูเอลามั้ย แต่สรุปได้ว่าการตัดสินใจของ ‘ผู้นำประเทศ มีผลต่ออนาคตของประเทศ’ แน่นอน
ตอนนี้คุณสามารถติดตามข่าวสารเศรษฐกิจโลก เช็คปฎิทินข่าวเศรษฐกิจ อ่านบทความแนวโน้มตลาด Forex พร้อมรับเทคนิค กลยุทธ์ การเทรด Forex ที่เราคัดสรรค์มาให้ทุกวันได้ฟรี ที่แอป WikiFX โหลดเลย!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อีกหนึ่งประเทศจากอีกฟากโลกอย่าง ‘เลบานอน’ ก็กำลังเผชิญกับวิกฤตเช่นกัน แต่ร้ายแรงกว่าเราหลายเท่า ธนาคารโลกกล่าวว่า วิกฤตการณ์ทางการเงินนี้อาจจัดอยู่ใน Top 3 ของโลก
ย้อนไปเมื่อปี 2018 ธนาคารกลางอาร์เจนตินา ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 60% จนทำให้อาร์เจนตินาติดกลุ่มประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลก
ATFX
HFM
XM
Pepperstone
EC Markets
Octa
ATFX
HFM
XM
Pepperstone
EC Markets
Octa
ATFX
HFM
XM
Pepperstone
EC Markets
Octa
ATFX
HFM
XM
Pepperstone
EC Markets
Octa