简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:สืบเนื่องมาจาก ได้มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ว่าถูกนายประสิทธิ์ฯ (ผู้ต้องหา) กับพวก ร่วมกันชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนในหลายรูปแบบ ซึ่งกำหนดผลตอบแทนเป็นกำไรที่สูงเกินความเป็นจริงที่บริษัทฯ
สืบเนื่องมาจาก ได้มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ว่าถูกนายประสิทธิ์ฯ (ผู้ต้องหา) กับพวก ร่วมกันชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนในหลายรูปแบบ ซึ่งกำหนดผลตอบแทนเป็นกำไรที่สูงเกินความเป็นจริงที่บริษัทฯ จะสามารถประกอบกิจการนำเงินในส่วนของผลกำไรมาจ่ายผู้เสียหายได้ ซึ่งเป็นการจูงใจให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก และต่อมาภายหลัง กลุ่มผู้ต้องหาไม่สามารถจ่ายผลตอบเเทนและเงินลงทุนคืนให้ผู้เสียหายได้ตามกำหนด ผู้เสียหายได้ติดต่อทวงถามขอเงินต้นที่ร่วมลงทุนคืน แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ผู้เสียหายจึงรวมกลุ่มกันมาเเจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า มีผู้เสียหายและนักลงทุนที่ถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนหลาย 1,000 ราย และพบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท
โดยกลุ่มผู้ต้องหามีรูปแบบการชักชวนให้ลงทุนหลายรูปแบบ ดังนี้ รูปแบบที่ 1 เป็นการชักชวนให้ผู้เสียหายนำบัตรเครดิต หรือเงินสด มาลงทุนซื้อแพ็กเกจทัวร์กับทางบริษัททัวร์ของผู้ต้องหา โดยในกรณีที่ผู้ลงทุนไม่ประสงค์จะใช้เเพ็กเกจทัวร์ดังกล่าว ผู้ลงทุนสามารถนำเงินมาลงทุนหมุนเวียนกับทางบริษัทในรูปแบบอื่นได้ และในส่วนของผลตอบแทนจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ นำเสนอโดยมีรูปแบบการลงทุน ทั้งแบบ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 10 เดือน
รูปแบบที่ 2 เป็นการชักชวนให้ลงทุนโดยให้โอนเงินฝากเข้าบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์การค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสานของผู้ต้องหา โดยอ้างว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน 115 -15 เปอร์เซ็นต์ ต่อการลงทุนในระยะเวลา 39 วัน
รูปแบบที่ 3 เป็นการชักชวนให้ลงทุนซื้อทองคำจากร้านจำหน่ายทองคำทั่วไป และให้นำทองคำพร้อมใบเสร็จมาลงทุนตามโปรโมชั่นของบริษัทฯ โดยยอดการลงทุนคำนวณจากราคาทองคำตามที่ระบุในใบเสร็จ และมีการเสนอผลกำไร 43.5 เปอร์เซ็น โดยจะแบ่งจ่ายกำไรเป็น 2 งวด พร้อมกับมีการแบ่งจ่ายคืนเงินต้นเป็นงวดๆ รวม 10 งวด รูปแบบที่ 4 เป็นการชักชวนให้ลงทุนเงินสดหรือทองคำในระบบกองทุนส่วนตัวของนายประสิทธิ์ฯ เป็นระยะเวลา 21 วัน เสนอผลตอบแทน 9.5 เปอร์เซ็น โดยให้ผู้ลงทุนโอนเงินเข้าบัญชีนายประสิทธิ์ฯ หรือ บัญชีบริษัทของผู้ต้องหา กรณีเป็นบัตรเครดิต ผู้ลงทุนจะต้องนำบัตรเครดิตไปรูดซื้อทองคำจากร้านจำหน่ายทองคำทั่วไป พร้อมนำทองคำและใบเสร็จมาทำสัญญากับบริษัทของผู้ต้องหา รูปแบบที่ 5 เป็นการชักชวนให้ลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมจากร้านในเครือข่ายของผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาจะเสนอให้ผู้ซื้อปล่อยเช่ากระเป๋า โดยเสนอผลตอบแทนประมาณ 43.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 10 เดือน ของราคากระเป๋าที่ลงทุน โดยผลตอบแทนทางร้านค้าจะแบ่งจ่ายเป็นจำนวน 2 ครั้ง พร้อมกับมีการจ่ายเงินค่ากระเป๋า (จำนวนเงินที่ลงทุน) เป็นงวดๆ รวม 10 งวด
และเนื่องจากรูปแบบในการก่อเหตุของกลุ่มผู้ต้องหา มีความยุ่งยากสลับซับซ้อน มีลักษณะการกระทำความผิดในรูปของขบวนการ หรือกลุ่มบุคคล และมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก จึงถือว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีความสำคัญ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก./หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. และ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปอท. จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหามาดำเนินคดี ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวน จนทราบตัวเครือข่ายหลอกลวงนักลงทุน ดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับนายประสิทธิ์ฯ กับพวก ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” รวมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 6 ราย
โดยในวันที่ 13 พ.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ได้ดำเนินการตรวจค้นเป้าหมายทั้งหมด 9 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 4 ราย 1. น.ส.ณัฐวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 751/2564 ลงวันที่ 12 พ.ค.64 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” 2. น.ส.สิริมา (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 754/2564 ลงวันที่ 12 พ.ค.64 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” 3. นายกิตติวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 752/2564 ลงวันที่ 12 พ.ค.64 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” 4.พ.ท.พญ.อมราภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”
นอกจากนี้ในระหว่างการตรวจค้นจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถจับกุมนายวิมกริช (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ในความผิดตาม พรบ.อาวุธปืนฯ ได้ที่ห้องพักในโรงเเรมแห่งหนึ่ง เเขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ พร้อมกับ น.ส.ณัฐวรรณฯ (ผู้ต้องหาในคดีนี้) และสามารถตรวจยึดพยานเอกสารพร้อมพยานหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเเละเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอีกจำนวนหลายรายการ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมพยานหลักฐาน นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุมอีก 2 ราย คือ 1.นายประสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 749/2564 ลงวันที่ 12 พ.ค.64 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” 2 .นายกิตติศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 750/2564 ลงวันที่ 12 พ.ค.64 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และหากประชาชนท่านใดมีเบาะเเสเกี่ยวกับผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนีอยู่ ท่านสามารถเเจ้งข้อมูลเบาะเเสที่เป็นประโยชน์ เข้ามาได้ที่ บก.ป. หรือ บก.ปอศ. ในส่วนของผู้ลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหา ท่านสามารถรวบรวม พยานหลักฐาน ติดต่อเข้าเเจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.
ถ้าโดนโบรกเกอร์ Forex โกงมาแนะนำให้คุณเข้าไปที่ การเปิดเผย ของแอพ WikiFX เพื่อแฉโบรกเกอร์ อย่าปล่อยให้คนโกงลอยนวล ยิ่งคุณแฉโบรกเกอร์จะยิ่งกลัว รีบบบบเลย แฉเรื่องถอนเงินไม่ได้ เรื่อนกราฟผิดปกติ Slippage มากกเกินไป ได้หมดทุกเรื่อง
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ความไว้ใจเป็นเหตุจริง ๆ ล่าสุดมีการปล่อยคลิปสาวคนนึง ที่กำลังสนทนากับคนสนิทที่หลอกให้เธอลงทุนด้วย สร้างเรื่องตบตา จนเธอสูญเงินไปกว่า 8 แสนบาท ทำเอาเธอแค้นหนักมาก คนไว้ใจทำแบบนี้กันได้ลง!!
เหล่ามิจฉาชีพตกที่นั่งลำบากแล้ว! เมื่อวานนี้ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ออกมาพูดถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลงทุนออนไลน์ และแชร์ลูกโซ่ ผ่านรายการ ‘โหนกระแส’
ผู้ใช้งานเฟสบุ๊คท่านหนึ่ง ได้โพสต์คลิปเล่าเรื่องราวของภรรยาของตนที่กำลังตั้งท้องอยู่ว่า ‘โดนหลอกลงทุนจนแทบหมดตัว’ ไม่มีเงินไปเลี้ยงลูกแล้ว “ฝากเตือนญาติเตือนคนใกล้ชิดด้วย คนมักจะหลงเชื่อง่าย ๆ กับคำพูดชักชวนให้พวกนี้”
อีกหนึ่งฉาวในวงการคริปโต!! นักรักทั้งหลายระวังตัวไว้ให้ดี หลังมีผู้เสียหายถูกหลอกให้ลงทุนในเว็ปเทรดคริปโตเถื่อน จากแอปหาคู่ จนหมดตัวหลายราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท