简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ: หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ ‘Dr. Michael Burry’ มาบ้าง เขาคนนี้คือนักลงทุนในตำนาน ผู้พิชิตวิกฤตเศรษฐกิจ ‘วิกฤตซับไพรม์’ วีรกรรมของชายคนนี้ถูกนำไปเล่าผ่านหนังดัง ‘The Big Short’
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ ‘Dr. Michael Burry’ มาบ้าง เขาคนนี้คือนักลงทุนในตำนาน ผู้พิชิตวิกฤตเศรษฐกิจ ‘วิกฤตซับไพรม์’ วีรกรรมของชายคนนี้ถูกนำไปเล่าผ่านหนังดัง ‘The Big Short’ ที่เคยเข้าชิงออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้ว วันหยุดสบาย ๆ แบบนี้เรามารู้จักเรื่องราวของเขาผ่านหนังเรื่องนี้ไปพร้อมกัน
เมื่อปี 2007 ได้เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจครั้งใหญ่ ที่เป็นผลกระทบไปทั่วทั้งโลก และวิกฤตเศรษฐกิจนี้เกิดขึ้นจากการล่มสลายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอเมริกา ‘Subprime Mortgage Crisis’ ทำให้โลกการเงินสั่นสะเทือนจนทำให้สถาบันการเงินใหญ่ ๆ อย่าง Lehman Brothers ที่ตั้งมากว่า 169 ปีต้องยุติกิจการลง และประกาศล้มละลายทันที
ในสถานการณ์ที่โรงการเงินล่มสลายลงไปนั้น กลับมีคนกลุ่มหนึ่งที่สามารถช่วงชิงโอกาสในการล่มสลายนี้มาสร้างผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาลอย่างมาก เป็นที่มาของ The Big Short นั่นเอง
Dr. Michael Burry เริ่มสนใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์จนหาข้อมูลถึงระดับ Data Mining ลงไปในแต่ละสัญญาของการกู้ซื้อขายบ้าน หรือสัญญาทวงหนี้บ้านต่าง ๆ ขึ้นมา จนสามารถสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติของการส่งงวดบ้านที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปขึ้นมา และรอวันที่จะประทุจนกลายเป็นวิกฤตใหญ่มากขึ้นมาได้
ในช่วงเวลานั้นตลาดการเงินอเมริกา กำลังเติบโตในทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยความที่ยังเติบโตไม่พอ ก็เลยมีนักการเงินหัวใส คิดถึงการมัดรวมสัญญากู้บ้านต่าง ๆ เพื่อค้ำประกันการลงทุน ออกมาเป็น “ตราสารหนี้ CDO” ให้สถาบันการเงินซื้อไป เพื่อได้ดอกเบี้ยต่าง ๆ ที่เข้ามาหรือเก็งกำไรขายต่อ ปรากฏว่า ด้วยการที่กำไรมันมีอย่างมาก ทำให้ Demand ในความอยากได้มันสูงขึ้น แต่ Supply คุณภาพดีที่สามารถส่งค่างวดบ้านได้ไม่พอ ทำให้สถาบันการเงินที่ทำเรื่องนี้ต่างเริ่มทำพันธบัตรหนี้บ้านที่มีคุณภาพต่ำลงมา ในส่วนของ Supply ก็ปล่อยสินเชื่อบ้านแบบไม่สนอะไร ทำให้คนซื้อบ้านไม่ว่าจะอาชีพหรือมีเครดิตแย่แค่ไหนก็ซื้อบ้านได้ ซึ่งนี้เป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่า “Subprime Mortgages”
จากการที่บ้านถูกปล่อยสินเชื่อง่าย ๆ นี้ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัยพ์เติบโตอย่างมาก มีการเก็งกำไรใหม่ ๆ ขึ้นมา และปั่นราคาบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งด้วยการเติบโตนี้ทำให้ลูกหนี้ที่เครดิตแย่ ๆ เกิดขึ้นมาจำนวนมากด้วย บางคนไม่มีงานทำ ใช้ชื่อหมามาซื้อบ้านก็ยังมี ด้วยการที่มีลูกหนี้ที่เครดิตแย่นี้เอง ที่เป็นจุดเริ่มของวิกฤตการณ์นี้ เพราะด้วยการที่ลูกหนี้จำนวนมากนี้เบี้ยวหนี้ไม่ยอมส่งบ้าน จากที่มีจำนวนไม่มากในตลาด กลายเป็นเกือบส่วนใหญ่ในตลาดขึ้นมา ทำให้เงินที่จะจ่ายหนี้นั้นลดลงอย่างมาก สถาบันการเงินที่ถือหนี้เหล่านั้นไว้ ก็ต้องจ่ายค่าถือสินทรัพย์นี้จนไม่คุ้มทุนต่อไปอีกด้วย
เมื่อ CDO ต่าง ๆ เริ่มมีความเสี่ยงเพราะมีลูกหนี้ที่จะเบี้ยวหนี้อยู่เยอะมาก ทำให้สถาบันประกันทั้งหลาย ต่างออกประกันที่จะลดความเสี่ยงนักลงทุนให้ โดยนักลงทุนจ่ายเบี้ยประกันเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่จะถูกเบี้ยวหนี นอกจากนี้บริษัทประกันเหล่านี้ยังหัวใสหากำไรเพิ่ม โดยการสร้าง “ตราสารอนุพันธ์ประกันความเสี่ยง” กลับไปขายนักลงทุนว่า CDO ที่ประกันนั้นจะมีปัญหาหรือไม่ต่อไป เรียกได้ว่าเป็นการพนันเลยทีเดียว จากตรงนี้ยังไม่พอยังมีการทำ Synthesis CDO ที่ออกมาให้นักลงทุนได้พนันว่า “ตราสารอนุพันธ์ประกันความเสี่ยง” นี้จะมีปัญหาต่อไปหรือไม่อีกเป็นทอด ๆ อีกด้วย สุดท้ายแล้วตลาดก็ล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง เพราะด้วยดอกเบี้ยบ้านที่เริ่มลอยตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ลูกบ้านหนี้เสียทั้งหลายเกิดอาการเบี้ยวหนี้พร้อม ๆ กัน จนทำให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ต้องแบกรับหนี้ตรงนี้แทน
ด้วยการที่ Dr.Michael Burry ที่ในภาพยนต์ลงไปค้นหาความผิดปกติต่าง ๆ ของสัญญาณใน Data ของการปล่อยสินเชื่อบ้านนี้เอง ทำให้ Dr.Michael Burry นั้นเข้าไปแทงสวนตลาดทั้งหมดว่าตลาดบ้านนั้นจะเกิดการล่มสลายลง และให้สถาบันการเงินต้องจ่ายเงินต้องจ่ายเงินชดเชยเมื่อตลาดเหล่านี้ล่มขึ้นมา ซึ่งนอกจาก Dr.Michael Burry ยังมี Mark Baum และ Brownfield Capital ได้กำไรอย่างมหาศาลเมื่อฝุ่นจางจากเหตุการณ์นี้
ด้วยตัวอย่างจาก The Big Short การมี Data ในมือหรือมี Data อย่างทั่วไปที่ใครก็เข้าถึงได้อย่าง ตลาดอสังหาริมทรัพย์นี้ ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่ามี Data แล้วจะใช้ได้เลย หากคุณไม่ได้ลงไปทำการ Data Mining ภายในขึ้นมาเพื่อหาความน่าสนใจของ Data นั้นเพื่อเอามาทำนายตลาดว่าโอกาสของธุรกิจคุณจะอยู่ที่ไหน ซึ่งถ้าคุณมี Data อยู่แล้ว ก็เหมือนมีน้ำมันดิบในมืออยู่ แต่คุณจะกลั่น Information ออกมา แล้วสร้างเป็น Insight ต่อไปด้วยการทำ Data mining นั้นเอง
หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าโลกใบนี้ไม่มีอะไรปลอดภัย ขนาดฝากเงินธนาคารอยู่แท้ ๆ ถ้าธนาคารเอาเงินไปลงทุนพลาดเงินฝากทั้งหมดก็กลายเป็นศูนย์ได้ จงลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะสิ่งที่เราเห็นอาจจะเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่ซ่อนไว้ ซึ่งความเสี่ยงมากมายมหาศาลอันไม่มีใครล่วงรู้ ไม่มีนักลงทุนคนไหนกำจัดความเสี่ยงได้จนหมด แต่เราสามารถลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด และสิ่งที่ลดความเสี่ยงได้ทรงประสิทธิภาพที่สุดก็คือความรู้ของนักลงทุนนั่นเอง
หวังว่าภาพยนตร์ ‘The Big Short’ และเรื่องราวของ Dr. Michael Burry จะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีของคุณในวันหยุดนะ พักผ่อนให้เต็มที่ ชาร์ตแบตเก็บพลังก่อนไปต่อสู้ในวันจันทร์ แล้วมาพบกับหนังดีวันหยุดของนักลงทุนกันได้ใหม่สัปดาห์หน้า ส่วนตอนนี้เราแนะนำให้ดาวน์โหลดแอป WikiFX ไว้เลย จะได้ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวในโลกการลงทุน โหลดฟรีนะจะบอกให้ Happy Weekend นะ ; )
อย่าตกเป็นเหยื่อโบรกเกอร์ Forex เถื่อน! เพราะโบรกเกอร์ Forex เถื่อนชอบโกงเงินนักลงทุน คุณต้องดาวน์โหลด WikiFX เพื่อตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ Forex ใดควรเทรดด้วย ไม่งั้นจะเสียใจทีหลัง ดาวน์โหลดฟรี!
ขอบคุณข้อมูลจาก: ลงทุนศาสตร์, Chaos Theory
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
Pepperstone
TMGM
HFM
FOREX.com
FP Markets
IQ Option
Pepperstone
TMGM
HFM
FOREX.com
FP Markets
IQ Option
Pepperstone
TMGM
HFM
FOREX.com
FP Markets
IQ Option
Pepperstone
TMGM
HFM
FOREX.com
FP Markets
IQ Option