การแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังเงินเฟ้อครั้งใหญ่ในเยอรมนี ของ ‘ฮิตเลอร์’

หลังจากที่เราได้เล่าเรื่องเงินเฟ้อครั้งประวัติศาสตร์ของเยอรมนี วันเรากลับมาต่อเรื่องนี้อีกครั้ง จะว่าเป็น Ep.2 ก็ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ต่อจากนั้น พร้อมกับการมาของผู้นำ ที่พาโลกเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้เป็นจอมเผด็จการอันดับหนึ่งของโลก ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ (Adolf Hitler) ที่เข้ามาแก้เศรษฐกิจแบบปาฏิหาริย์

เศรษฐกิจก่อนหน้าฮิตเลอร์เป็นรัฐบาลนั้น เข้าข่ายล่มสลาย การเติบโตติดลบต่อเนื่อง คนตกงานกว่า 6 ล้านคน หรือร้อยละ 33 ของกำลังแรงงาน แต่แค่ 5 ปี เศรษฐกิจเติบโตเกือบ 2 เท่า คนว่างงานเหลือไม่ถึง 5 แสนคน

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตนายทหารผ่านศึกเหรียญกล้าหาญ ที่เพิ่งพ้นโทษคดีการเมือง เข้ามาขออาสาประชาชน แก้เศรษฐกิจ โดยการยึดพรรคสังคมนิยม ซึ่งเป็นพรรคเล็ก ๆ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค ‘นาซี’ กับสโลแกนว่า “เศรษฐกิจไม่ดีนาซีช่วยได้” สุดท้ายฮิตเลอร์ได้คะแนนเสียงแบบก้าวกระโดด ชนะขาดลอยในที่สุด ที่ร้อยละ 47 ในปี 1933

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง ของฮิตเลอร์นั้น หลายส่วนเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจศึกษาลอกเลียน และหลายอย่างก็ชี้ให้เห็นถึงจุดบกพร่อง ที่ควรนำมาเป็นบทเรียน เมื่อฮิตเลอร์เป็นนายกฯ (ควบประธานาธิบดี) เขาได้ตั้งอดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ นามจาลมาร์ ชาคท์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ สมัยฮิตเลอร์มีนโยบายจ้างงานออกมา ทั้งสร้างทางด่วนออโต้บาห์น สร้างเขื่อน สร้างถนน สร้างเมือง ผลิตรถ เครื่องบิน จนถึงสันทนาการ ประเภทคอนเสิร์ต พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ สวนสนุก แต่ยังไม่พอกับการแก้ไขสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายสุด ๆ ของเยอรมัน

ฮิตเลอร์เข้าไป “แก้ไข” กลไกกฎระเบียบการจ้างงานให้เหมาะสม โดยให้ยื่นหมูแมวกันระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง “นายจ้างต้องจ้างคนงานเพิ่ม” ส่วน “ลูกจ้างต้องทำงานให้หนักขึ้นและห้ามเลือกงาน”

“ใครบ้างไม่สมควรทำงาน” หนึ่ง คือ ‘ผู้หญิง’ ฮิตเลอร์มองว่า ผู้หญิงจะทำงานทำไม อยู่บ้านเลี้ยงลูก ดูแลครอบครัว แล้วรับเงินจากสามีดีกว่า ปล่อยโควตาทำงานให้แก่ครอบครัวที่ว่างงาน (เหตุนี้ การว่างงานเลยลดลงเร็วมาก เพราะฮิตเลอร์ให้แก้นิยามคนว่างงาน ว่า ผู้หญิงไม่ตกงานเพราะต้องทำงานบ้าน)

สอง คือ “คนต่างชาติ โดยเฉพาะคนยิว” ฮิตเลอร์มองว่า คนเหล่านี้มาแย่งอาชีพคนเยอรมัน โดยเฉพาะตอนที่มีสงครามคนเยอรมันต้องไปรบ พวกนี้เลยได้งานแทน พอมีงานมีเงินก็มาปล่อยกู้ดอกแพง ๆ ถือว่าเป็นอะไรที่ไม่ควรทำงานและน่ากำจัดทิ้ง สมัยฮิตเลอร์จึงใช้ทั้งขอความร่วมมือ ไปจนถึงออกเป็นกฎหมายไม่ให้ยิวทำงาน

แล้วฮิตเลอร์เอางบประมาณจากไหน？ เนื่องจากตอนนั้นเศรษฐกิจเยอรมันวิกฤตมาก ฮิตเลอร์ทำสวนทางกับการลดงบทหาร โดยมองว่า อุตสาหกรรมทหารเป็นอุตสาหกรรมที่มูลค่าเพิ่มสูงจ้างงานมาก ไม่เท่านั้นยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง แม้จะมีความเสี่ยงสูงมากก็ตาม ฮิตเลอร์จึงเน้นการลงทุนในงบทหารค่อนข้างมาก (แต่จะให้ผลตอบแทนดีเฉพาะช่วงแรก)

‘พิมพ์แบงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ’ ตอนนั้นเพิ่งผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั่วโลกตกลงเศรษฐกิจร่วมกันให้ยกเลิกสิ่งที่เรียกว่า Gold Standard หรือมาตรฐานทองคำ ที่กำหนดว่า “พิมพ์แบงก์ได้เท่ากับที่มีทองคำในคลัง” เป็นว่า “อยากพิมพ์เท่าไร ก็ได้” รมว.ชาคท์ เลยพิมพ์แบงก์เพื่อเอาเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจ

ท่านผู้นำ ฮิตเลอร์ เรียกประชุม นายแบงก์ แล้วระบุในเงื่อนไขก่อนประชุม 3 ข้อว่า

1. ทุกอย่างที่พูดวันนี้เป็นความลับ

2. ใครแพร่งพรายตาย

3. ใครมีปัญหาให้ดูข้อ 1 และข้อ 2 ใหม่

ทุกคนก็ขยาด ไม่กล้าแพร่งพราย ร่วมกับ หากเปิดเผยไปก็ไม่มีประโยชน์ ธุรกิจตัวเองก็แย่ด้วย ทุกคนก็เลยเงียบ ผลคือ เศรษฐกิจโตขึ้น (GDP growth) การว่างงานลดลงแบบมโหฬาร คุณภาพชีวิตดีขึ้น มีสถานที่เที่ยว มีรถขับ มีบ้านอยู่ และมีงานทำนี่คือ เคล็ดลับปาฏิหาริย์แก้เศรษฐกิจ ของ ฮิตเลอร์

ฮิตเลอร์ มีวิธีคิด นิสัยที่ขัดแย้งกับกลุ่มทหาร ที่ถืออำนาจเดิม แล้วสามารถขึ้นมามีอำนาจ แบบสุดโต่งได้อย่างไร ？ และทำไมท้ายที่สุด ฮิตเลอร์ถึงได้พาเยอรมันไปเกิดหายนะ อะไรคือจุดผิดพลาด？ ติดตามได้ในบทความต่อไป รู้ไหมคุณสามารถดาวน์โหลด แอป WikiFX เพื่อรับการแจ้งเตือนบทความเหล่านี้ ทั้งประวัติศาสตร์ การเงิน เศรษฐกิจ แนวโน้มตลาดที่หาไม่ได้อีกแล้ว โหลดฟรีได้เลย WikiFX!!!!!

(ขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจ การคลัง)

คุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex แนะนำอยู่หรือไม่ ถ้าใช้ให้ดาวน์โหลดแอพ WikiFX เพื่อตรวจสอบโบรกเกอร์หรือดูการจัดอันดับ โบรกเกอร์ Forex เพราะแอพ WikiFX ได้ตรวจสอบโบรกเกอร์และคัดสรรมาให้หมดแล้ว ว่าโบรกเกอร์ไหนดีหรือไม่ดี