简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:จอร์จ โซรอส คือ “พ่อมดทางการเงิน” ที่นักธุรกิจไทยรู้จักกันดี เขาเป็นนักลงทุนเชื้อสายยิว เกิดในประเทศฮังการีสมัยที่นาซีเยอรมันเข้ายึดครอง ชีวิตที่ยากลำบากในวัยเด็ก ส่งผลให้ โซรอส มีความอดทนเหนือธรรมดา หล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักปรัชญาที่เป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจระบบทุนนิยมมากที่สุดคนนึงของโลก และด้วยความสามารถของเขา ทำให้เขากลายเป็น ผู้ร้ายในโลกการเงิน (ในทัศนะของประเทศที่เชื่อว่า ตนถูกโจมตีค่าเงินจาก โซรอส) โด่งดังสุดๆ จากการเข้าโจมตีค่าเงินปอนด์ จนธนาคารกลางอังกฤษ “แพ้ราบคาบ” และในครั้งนั้นเอง โซรอส ทำเงินได้มากกว่า 1,000 ล้านปอนด์
ประวัติ
โซรอสเกิดเมื่อปี 1930 ที่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี จอร์จ โซรอส เป็นลูกชายของ Tivarda Soros (เป็นชาวฮังการีเชื้อสายยิว ซึ่งเวลาที่เค้าเกิดเป็นเวลาก่อนที่นาซีจะบุกยึดฮังการี 14 ปี กฎสำคัญข้อเดียวในวัยเด็กของเขาคือ ต้องเอาชีวิตรอด อย่าให้ถูกจับได้ โซรอสกล่าวว่าพ่อของเขานั้นเป็นนักเอาชีวิตรอด เขาเล่าว่าพ่อนั้นเคยเป็นเชลยสงครามในช่วงปฏิวัติรัสเซียและแหกคุกออกมาได้ โดยเป้าหมายของพ่อของเขาคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ครอบครัว และตนเองจะต้องรอดชีวิตให้ได้
จอร์จ โซรอส ในวัยเด็กต้องซ่อนความเป็นยิวของ โซรอสย้ายสัญชาติไปอังกฤษเมื่อปี 1947 และจบจาก London School of Economics ในปี 1952 โซรอสได้ทำงานเสริมเป็นพนักงานเสิร์ฟและเด็กยกกระเป๋าตามสถานีรถไฟ ทั้งๆ ที่เป็นนักศึกษาด้านปรัชญากับ Karl Popper ทางมหาวิทยาลัยได้ขอให้โซรอสช่วยเป็นติวเตอร์เพื่อแลกกับเงิน 40 ปอนด์จากกองทุน Quaker และสุดท้ายได้ทำงานกับธนาคาร Singer & Friedlander
1956 โซรอสย้ายไปนิวยอร์ก ในตำแหน่งนักเก็งกำไรจากการแลกเปลี่ยนกับบริษัท F.M. Mayer ตั้งแต่ปี 1956-59 และเป็นนักวิเคราะห์ กับ Wertheim and Company ตั้งแต่ 1959-1963 ระหว่างนี้นี่เองที่เข้าได้คิดค้น “Reflexivity Theory” ซึ่งเป็นทฤษฎีที่เค้าใช้ทำกำไรจากตลาดมาโดยตลอด
จากนั้น ในปี 1970 เขาได้ก่อตั้ง Quantum Fund ร่วมกับ Jim Rogers ซึ่งสร้างรายได้ให้โซรอสอย่างมหาศาล ก่อนที่ ปี 2011 Quantum Fund ของ Soros จะประกาศปิดตัวลงเพราะไม่อยากลงทะเบียนกับ กลต โดยผลตอบแทนต่อปีที่เค้าทำได้นั้นเฉลี่ยอยู่ถึง 32% ต่อปี !!
วีรกรรม
Black Wednesday (16 กันยายน 1992)
เล่าย้อนก็คือ ยุโรปมีแผนจะรวมสกุลเงินในปี 1999 เพื่อการเตรียมความพร้อม ก็เลยจัดตั้งระบบ Exchange Rate Mechanism (ERM) ในปี 1990 ซึ่งถูกออกแบบให้สกุลต่างๆของแต่ละประเทศเคลื่อนไหวไม่ผันผวนมากเกินไป และทำให้เกิดความคุ้นเคย ก่อนที่จะร่วมมาใช้สกุลเงิน Euro จริงในปี 1999
ปัญหาคือ โครงสร้างเศรษฐกิจที่ต่างกัน กล่าวคือ เยอรมันเจอปัญหาเงินเฟ้อสูง อยากขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ประเทศอื่นๆใน ERM ต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม ค่าเงินจึงแข็งค่าขึ้นไปด้วย แต่ตอนนั้นอังกฤษมีปัญหาคือ Unemployment Rate ที่สูง ถ้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจก็ควรลดดอกเบี้ย แต่เพราะอยู่ใน ERM จะทำแบบนั้นก็ทำไม่ได้
นักเก็งกำไร เห็นว่า สภาวะแบบนั้นอยู่ได้ไม่ตลอด ว่าแล้ว Hedge Fund อย่าง George Soross ก็เลยเข้าโจมตีค่าเงินปอนด์ (GBP) ด้วยการขาย Short ค่าเงินสกุลปอนด์อย่างหนักหน่วงในวันที่ 19 ก.ย. 1992 โดยเชื่อว่า ธนาคารอังกฤษ จะยอมลดค่าเงิน GBP ลงมา ซึ่งก็สำเร็จเสียด้วยนะครับ
ค่าเงิน GBP/USD จากที่ทำจุดสูงสุดในเดือน ก.ย. 1992 ที่ 2.00 GBPUSD ค่าเงินร่วงลงมาเกือบแตะ 1.40 GBP/USD หรือ อ่อนค่าร่วมๆ 30% ทีเดียว
แต่หันไปดูที่ตลาดหุ้นอังกฤษผ่านดัชนี FTSE 100 กลายเป็นพบว่า ตลาดทำจุดต่ำสุดก็ช่วงตอนที่ Soros ถล่มค่าเงินในเดือน ก.ย. นั้นเลย แล้วตลาดก็กลายเป็นขาขึ้นยาวหลังจากนั้นเป็นปีทีเดียว
เมื่อ 20 ปีที่แล้วประเทศไทยได้ฝืนสามเหลี่ยมที่เป็นไปไม่ได้นี้อยู่ ประเทศไทยต้องการให้เงินไหลอย่างเสรี มีนโยบายการเงินเป็นของตัวเอง และ กำลังผูกค่าเงินคงที่ไว้กับค่าเงินต่างประเทศ
ในช่วงปี1985-1995 ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง การส่งออกเติบโต และมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในประเทศจำนวนมาก เมื่อมีเงินบาทจำนวนมากไหลเวียนอยู่ในระบบ ประเทศไทยจึงเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้อ รัฐบาลได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับสูง ต่อมามีการประกาศ ให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าออกโดยเสรี แต่ประเทศไทยกลับยังคงใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
เมื่อเกิดภาวะเช่นนั้นบริษัทเอกชนจึงทำการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศ (ส่วนใหญ่กู้ยืมเป็นสกุลเงินดอลล่าร์) ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าแทนการกู้เงินในประเทศ โดยไม่ทำการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (เนื่องจากเงินบาทมีค่าคงที่เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ผู้กู้เงินจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องป้องกันความเสี่ยง เพราะคิดว่าไม่มีความเสี่ยง) และไม่มีการควบคุมปริมาณจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย
ต่อมาในช่วงปี 1996 เศรษฐกิจสหรัฐกลับฟื้นตัว ทำให้รัฐบาลสหรัฐเริ่มขึ้นดอกเบี้ย เงินดอลลาร์จึงแข็งค่าขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทของไทยที่ผูกติดอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าตามไปด้วย การส่งออกของไทยเริ่มหดตัวลง เงินลงทุนเริ่มไหลออก แต่ค่าเงินบาทของไทยที่ควรจะอ่อนตามภาวะเศรษฐกิจกลับยังคงแข็งค่าตามเงินดอลล่าร์
ดังนั้น โซรอสจึงเห็นช่องทางทำกำไรจากการที่เงินบาทไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง โซรอสจึงได้โจมตีค่าเงินบาทด้วยการขายชอร์ตเงินบาท ในขณะนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยทำการป้องกันค่าเงินบาทด้วยการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปซิ้อเงินบาทที่โซรอสขาย จนกระทั่งมูลค่า ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 1997 เพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 40% ของเงินทุนสำรอง
การโจมตีของโซรอส ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 1997 ประเทศไทยได้ขอความร่วมมือจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกงในการเข้าป้องกันค่าเงินบาทอีกมูลค่ากว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในที่สุด ประเทศไทยก็ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท (Managed Float) ในเดือนกรกฎาคม 1997 ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเกือบ 100% (จาก 25 บาท/1 $ >> 50 บาท /1$) ในทันที ส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจซึ่งมีการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศจำนวนมากต้องมีหนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว บริษัทจำนวนมากล้มละลาย ธนาคารมีหนี้เสียสูงเป็นประวัติการณ์
วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยครั้งนี้ได้ส่งผลลามไปถึงเศรษฐกิจและค่าเงินของประเทศในภูมิภาคเอเชียอื่นๆ อีกหลายประเทศ จนได้ชื่อว่าโรคต้มยำกุ้ง (Tom Yum Kung Decease) ประมาณกันว่าโซรอสสามารถทำกำไรจากการโจมตีค่าเงินเอเชียครั้งนี้ประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
Vantage
FOREX.com
IC Markets Global
EC Markets
FXTM
XM
Vantage
FOREX.com
IC Markets Global
EC Markets
FXTM
XM
Vantage
FOREX.com
IC Markets Global
EC Markets
FXTM
XM
Vantage
FOREX.com
IC Markets Global
EC Markets
FXTM
XM