ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ "เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างเริ่มที่เงิน"

วันนี้แอดเหยี่ยวนำบทความดีๆจากเพจ Readism มาฝากกันครับเป็นข้อคิดดี ๆ จากหนังสือเงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างเริ่มที่เงิน มาฝากทุกคนครับ

1. “แผนการเงินคือแผนชีวิต” เพราะสินค้าและบริการที่เป็นเป้าหมายต่างๆ ในชีวิตล้วนบรรลุได้ด้วยการใช้เงิน เราจึงต้องรู้จักค่าของเงิน รู้วิธีการทำงานหาเงิน รู้จักออมเงินและการลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย นำไปใช้ประโยชน์ต่างๆได้
2. นิสัยการออมต้องสร้างตั้งแต่วัยเด็ก เริ่มเมื่อเด็กนับเลขได้ ให้ทำความรู้จักกับเหรียญและธนบัตรต่างๆ การให้เงินค่าขนมควรให้เป็นเงินปลีกหรือเหรียญเผื่อให้เด็กกลับมาเก็บออม ผู้ปกครองพาไปซื้อของโดยฝึกให้เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ เมื่อถึงเวลาควรพาเด็กไปเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารเพื่อออมเงิน ที่สำคัญผู้ปกครองต้องทำเป็นตัวอย่างด้วย
3. ออมก่อนรวยกว่า การออมคือการสละการใช้ในวันนี้เพื่อเอาไว้ใช้ในวันข้างหน้า ให้ใช้เทคนิคการหักเงินออมออกจากรายได้ก่อน ที่เหลือจึงนำไปใช้ เงินที่เก็บก็ใช้วิธีเก็บแบบผูกพัน คือ เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ และให้รางวัลตัวเองเมื่อออมได้ถึงเป้าหมาย จะทำให้มีกำลังใจในการออม
4. วิธีการจัดการเงินของคู่สมรสที่เหมาะสมกับยุคสมัยนี้ น่าจะเป็นการแยกกระเป๋าแต่รวมความรับผิดชอบ คู่สมรสควรพูดคุยกันเกี่ยวกับเป้าหมายชีวิตและเป้าหมายการออมไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน หากไม่ตรงกันต้องพยายามปรับให้ตรงกัน อย่าให้อีกฝ่ายต้องประหลาดใจกับหนี้สินแปลกๆ ที่โผล่ขึ้นมาหลังจากแต่งงานแล้ว ซึ่งทำให้บางคู่ถึงกับแตกหักกันเลยทีเดียว
5. เริ่มต้นทำงานก็ควรเริ่มออมและลงทุนเพื่อการเกษียณเลย คำนวณว่าหลังเกษียณใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ เงินที่เก็บออมอยู่ทุกวันนี้เมื่อถึงวันที่เกษียนจะเติบโตไปเป็นจำนวนเท่าใด และนำตัวเลขมาเปรียบเทียบว่าจะพอหรือไม่ ในช่วงที่รายได้ยังไม่สูง การออม 10% เป็นการเหมาะสม เมื่อหมดภาระผ่อนรถผ่อนบ้าน ควรเพิ่มเป็น 20-30 % ของรายได้
6. เงินที่ออมเพื่อการเกษียณอายุงานในอีก 10 20 หรือ 30 ปีข้างหน้า เป็นการลงทุนระยะยาวสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น จึงเป็นเงินที่สามารถลงทุนแบบเสี่ยงปานกลางหรือเสี่ยงสูงได้ ผู้ลงทุนไม่ควรกลัวความเสี่ยงจนเกินไป เพราะการเสี่ยงต่อการมีเงินไม่พอในวัยเกษียณซึ่งทำงานไม่ได้แล้วน่ากลัวกว่า การลงทุนที่เหมาะสมคือการลงทุนแบบผสมจะมีทั้งตราสารหนี้ พันธบัตร และหุ้น การรักษาสุขภาพให้ดีก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะรายจ่ายจะลดลงไปมากเลยทีเดียวหากไม่เจ็บป่วยหลังเกษียณ
7. การเก็บเงินซื้อบ้านหรือการจ่ายค่าผ่อนบ้านเป็นการออมที่น่าสนับสนุน หากมีเงินออมก้อนหนึ่งควรซื้อบ้านไว้ก่อน เพราะอสังหาริมทรัพย์มักปรับขึ้นตามสภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ที่ดินยังเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ในระยะยาวราคาที่ดินจึงปรับตัวสูงขึ้น วิธีทดสอบว่าเรามีความสามารถในการซื้อบ้านและผ่อนบ้านได้หรือไม่ ให้ดูอัตราการผ่อนชำระในแต่ละเดือนเป็นหลัก อย่าลืมเตรียมค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าธรรมเนียมต่างๆ หากไม่ยอมกัดฟันทำอะไรใหญ่ๆ สักครั้งในชีวิต เช่น การซื้อบ้าน ภายภาคหน้าเมื่อแก่ตัวจะสบายได้อย่างไร
8. การประหยัดเงินได้หนึ่งบาทมีค่าเท่ากับหาเงินได้หนึ่งบาท การใช้เงินอย่างฉลาดจะช่วยให้มีเงินออมเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อต้องการหาซื้อของอะไรสักชิ้นให้ตั้งเป้าหมายคุณสมบัติที่ต้องการ แล้วจัดกลุ่มตามความจำเป็นคือ MUST หรือเป็นสิ่งที่มีหรือไม่มีก็ได้จะเรียกว่า WANT หาข้อมูลสินค้า ราคาเปรียบเทียบกัน โดยทั่วไปของราคาแพงมักมีคุณสมบัติพิเศษมากมาย อย่าเคลิบเคลิ้มไปกับคุณสมบัติหรูครบสูตรจนลืมงบประมาณ พยายามหาสินค้ารุ่นที่ใกล้เคียงกับงบประมาณจะดีที่สุด
9. คิดให้ครบก่อนซื้อรถ ราคาของรถจะลดลงตั้งแต่วันแรกที่ถอยรถออกมา อย่างน้อยต้องมีเงินเก็บพอที่จะจ่ายเงินดาวน์ซึ่งอาจจะเท่ากับ 10% ของราคารถยนต์ เปรียบเทียบว่าปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเดือนละเท่าไหร่ หากมีรถแล้วสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้หรือไม่ โดยทั่วไปภาระการผ่อนทุกอย่างรวมกันแล้วไม่ควรเกิน 35% ของรายได้ หากมีภาระผ่อนบ้านอยู่แล้วอาจจะอดใจรอให้ภาระผ่อนบ้านลดลงไปบ้าง รวมทั้งต้องคำนวณค่าน้ำมันเครื่อง ค่าน้ำมันรถ ค่าเปลี่ยนยาง ค่าประกัน และที่จอดรถ สุดท้ายต้องคิดด้วยว่าจะดำรงชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยเงินที่หักจากการผ่อนรถผ่อนบ้านได้อย่างไร
10. การลงทุนเป็นการทำให้เงินออมที่เราก็บไว้ในอนาคตมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หากเราเก็บไว้เฉยๆ ก๋วยเตี๋ยวที่วันนี้ราคา 45 บาท หากปีหน้าราคาเพิ่มเป็น 50 บาท เงินที่เราเก็บไว้ 45 บาทก็ไม่พอซื้อก๋วยเตี๋ยวนั้นได้ ฉะนั้นเป้าหมายของการลงทุนอย่างน้อยควรทำให้เรายังสามารถซื้อของชิ้นเดิมนั้นได้อยู่
11. การลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยคงหนีไม่พ้นการลงทุนกับรัฐบาล พันธบัตรรัฐบาลคือตราสารที่รัฐบาลออกให้กับผู้ลงทุน ซึ่งก็คือผู้ที่ให้รัฐบาลกู้นั่นเอง จะมีการกำหนดอายุของพันธบัตร เช่น 3 ปี 5 ปี 10 ปี ถ้าเราซื้อพันธบัตรตอนแรกที่เสนอขายจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด โดยส่วนใหญ่จะจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน
12. หุ้นที่เราคุ้นเคยส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นทุน ผลตอบแทนจากการลงหุ้นมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือเงินปันผลตอบแทน บริษัทขนาดใหญ่ส่วนมากจะจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง ส่วนที่สองคือกำไรจากมูลค่าเพิ่ม หากราคาหุ้นขึ้นไปสูงกว่าที่ซื้อมาจะถือว่ามีกำไร และจะขาดทุนได้หากราคาหุ้นลดลงไปกว่าตอนที่ซื้อมา การลงทุนในหุ้นมีความผันผวนของผลตอบแทนค่อนข้างสูง เงินที่จะนำมาลงทุนต้องเป็นเงินที่ตั้งใจลงทุนในระยะยาวหรือเป็นเงินเย็น เพราะหากเป็นเงินลงทุนระยะสั้นและเมื่อเผอิญเมื่อถึงช่วงที่เราต้องใช้เงินแล้วตลาดปรับตัวลงพอดี เราจะไม่ต้องฝืนใจขายขาดทุน
13. อย่าขายทำกำไรเร็วเกินไปและถือหุ้นที่ขาดทุนไว้นานเกินไป วิธีทำให้ตัดใจขายได้คือให้คิดว่ามีเงินให้ลงทุนจำกัด หากลงทุนสินทรัพย์นี้แล้วจะดีน้อยกว่าสินทรัพย์อื่นก็ควรขายออกไปและนำเงินไปลงในสินทรัพย์อื่นแทน สำหรับผู้ที่มักขายทำกำไรเร็วเกินไปให้ดูว่าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไปไหม บางคนใช้วิธีทยอยแบ่งขายค่อยๆ ขายไปเรื่อยจนหมด วิธีนี้เหมาะกับหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจจะปรับตัวขึ้นเพราะปัจจัยอื่น
14. ผู้ลงทุนควรตั้งเป้าหมายในการลงทุนให้ชัดเจนและยึดเป้าหมายเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะตั้งเป้าหมายเพียงว่าลงทุนให้ได้กำไรสูงๆ ในความเป็นจริงเป้าหมายในการลงทุนมีทั้งเรื่องระยะเวลาการลงทุน ความเสี่ยงที่รับได้และเป้าหมายผลตอบแทนที่คาดหวัง พบว่าผู้ลงทุนมักลืมเป้าหมายเดิมในช่วงตลาดขาลง พอตลาดขาลงก็จะขายและรับผลขาดทุนไป ทั้งแต่ตั้งเป้าหมายลงทุนระยะยาวซึ่งสามารถรับความผันผวนได้สูงไว้ เป็นที่น่าเสียดายเพราะหลายครั้งพบว่าหากลงทุนต่อจากนั้น 1-2 ปี ก็สามารถทำกำไรได้แล้ว
15. หลายคนชอบใช้แบรนด์เนมและมักรู้สึกว่าราคาสินค้าเพิ่มขึ้นทุกปี การซื้อมาใช้ เก็บไว้ แล้วขายต่อ นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับการใช้ของแล้วยังมีโอกาสได้กำไรอีกด้วย การลงทุนในสินค้าฟุ่มเฟือยจัดว่าเป็นการลงทุนทางเลือก สินค้าที่ลงทุนได้มักเป็นสินค้าที่คงทน สะสมได้ ผลิตออกมาจำกัด การลงทุนประเภทนี้มีลักษณะพิเศษคือมีสภาพคล่องต่ำและราคาแท้จริงหายาก มีอีกทางเลือกที่น่าสนใจคือลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนกับริษัทผลิตและจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยนี้
16. อย่าทำประกันชีวิตในวงเงินสูงเกินไป โดยดูว่าเรามีความมั่งคั่งเท่าใด หากส่งทอดต่อไปทายาทจะเหลือความมั่งคั่งอยู่เท่าใด จำนวนเงินที่จะเพียงพอให้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายและจำนวนเงินที่ส่งมอบความมั่งคั่งต่อทั้งหมดไม่จำเป็นต้องมาจากเงินประกันหากมีการออกในรูปแบบอื่นแล้ว การทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเบี้ยประกันมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท ผู้ที่ยังมีความมั่งคั่งไม่สูงควรจะทำประกันแบบนี้ และควรซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติม หากที่ทำงานไม่ได้มีการดูแลครบถ้วนหรือมีสวัสดิการให้แต่ไม่เพียงพอ
17. ก่อนที่จะคิดเป็นหนี้ต้องดูด้วยว่าจำเป็นหรือไม่ ผู้มีวินัยมักออมเงินให้ได้จำนวนที่ต้องการก่อนที่จะซื้อของชิ้นนั้นๆ วิธีนี้ใช้ได้ดีกับของที่มีราคาไม่สูงมาก แต่ของที่มีราคาสูงที่ไม่แนะนำให้เก็บเงินก่อนซื้อคือบ้าน เพราะกว่าจะเก็บเงินได้ราคาบ้านก็วิ่งไปสูงและอาจจะไม่มีโอกาสซื้อ เมื่อเป็นหนี้ต้องรู้จักประเมินความสามารถในการชำระคืนของตนเองซึ่งเกณฑ์ส่วนใหญ่คือ 35% ของรายได้ อย่าหาเรื่องเป็นหนี้ด้วยการใจอ่อนอยากได้อะไรเกินความสามารถของตัวเองบ่อยๆ
18. สำหรับการใช้ชีวิตทั้งการทำงานและการลงทุน ต้องสนุกกับการตั้งเป้าหมายและทำให้ตัวเองไปถึงเป้าหมายนั้นๆ เมื่อบรรลุเป้าหมายนั้นแล้วก็จะตั้งเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น อยากฝากให้ทุกคนมีความหวังและรู้สึกดีกับชีวิต เราไม่ได้เกิดมาโชคดีทุกคน บางคนเกิดมากลำบาก บางคนเกิดมาสบาย แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราสามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้อยู่ที่ความตั้งใจของเรา
19. การเตรียมตัวเพื่อรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่จะไม่สดใสคือต้องทำใจของเราให้รับได้ รู้ถึงสถานการณ์ พยายามใช้ชีวิตและเงินให้เหมาะสมกับสภานภาพของตัวเอง วิธีคิดที่จะช่วยให้ทุกท่านผ่านพ้นสภาวะแห่งความยากลำบากทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมคือการมองโลกในแง่ดี รู้สึกดีกับชีวิต ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนเราก็ควรดีใจที่เรายังมีชีวิตอยู่

ขอบคุณบทความดีๆจากเพจ Readism

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4

คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!