简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ทำไมคู่สกุลเงินจึงมี Currency Correction เป็นบวกหรือลบ ? เนื่องจากสกุลเงินสะท้อนพื้นฐานของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ซึ่งเกิดขึ้นจากปัจจัยหลัก ๆ
Currency Correlation คืออะไร?
คือ ความสัมพันธ์ของสกุลเงิน เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเชิงสถิติที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกแก่นักเทรดว่า คู่สกุลเงินเคลื่อนไหวอย่างไรเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ โดยมีความสัมพันธ์ คือ หากคู่สกุลเงิน 2 คู่ มีการเคลื่อนไหวขึ้นไปพร้อมกัน นั่นแสดงว่า คู่สกุลเงินนั้นมีความสัมพันธ์ต่อกันใน “เชิงบวก” แต่หากคู่สกุลเงิน 2 คู่ เคลื่อนไหวตรงข้ามกัน คู่หนึ่งแข็งค่า อีกคู่หนึ่งอ่อนค่าลง จะหมายความว่า คู่สกุลเงินนั้นมีความสัมพันธ์ต่อกันใน “เชิงลบ” หากคู่สกุลเงิน 2 คู่ เคลื่อนที่แบบสุ่ม โดยไม่มีความสัมพันธ์ที่สามารถตรวจพบได้ หมายถึง คู่สกุลเงินนั้น “ไม่มีความสัมพันธ์” ต่อกัน
ขอบคุณรูปจาก forexlearning
ทำไมคู่สกุลเงินจึงมี Currency Correction เป็นบวกหรือลบ ?
เนื่องจากสกุลเงินสะท้อนพื้นฐานของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ซึ่งเกิดขึ้นจากปัจจัยหลัก ๆ ทั้งด้านความสัมพันธ์กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD), เศรษฐกิจ, การเมือง, ความแตกต่างของนโยบายการเงิน, การเปลี่ยนแปลงนโยบายธนาคารกลาง, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และปัจจัยอื่น ๆ ความเชื่อมโยงของสกุลเงินจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่ง ณ ตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่รับประกันถึงสิ่งที่เหมือนเดิมในอนาคต ขอแนะนำให้ตรวจสอบความเชื่อมโยงในระยะยาว และหมั่นติดตามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ
ตัวอย่าง Currency Correlation เชิงบวก
โดยทั่วไปแล้ว EURUSD และ GBPUSD ถือเป็นคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์เชิงบวก โดยเชื่อมโยงกันด้วยความสัมพันธ์กับ USD และความสัมพันธ์ทางการค้าและนโยบายการเงินระหว่างสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
จะเห็นว่า กรณีของยุโรปและอังกฤษ ถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญ โดยธรรมชาติค่าเงินจึงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
ตัวอย่าง Currency Correlation เชิงลบ
โดยทั่วไปแล้ว EURUSD และ USDCHF มีความสัมพันธ์เชิงลบ โปรดสังเกตว่า ราคาที่ใช้เป็นหน่วยซื้อขาย (ตัวหลัง) แตกต่างกัน ซึ่งก็อาจไม่น่าแปลกใจที่สกุลเงินวิ่งไปคนละทิศทาง ตัวอย่างจากเรื่องนี้
ความแข็งแกร่งของ USD ในสถานการณ์ที่ USD แข็งค่าเมื่อเทียบกับ EUR คู่ EURUSD จะลดลง
ในทางกลับกัน เมื่อ USD เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ CHF คู่ USDCHF จะเพิ่มขึ้น นำไปสู่ความสัมพันธ์เชิงลบระหว่าง EURUSD และ USDCHF
ข่าวที่ส่งผลต่อ Currency Correlation
ดูตัวอย่างความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่าง EURUSD และ GBPUSD ในสถานการณ์ข่าวการซื้อขาย Federal Reserve หรือ FED ที่ตัดสินใจที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย (ข่าวการซื้อขาย) และ USD แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ EUR และ GBP (ปฏิกิริยาของตลาด) ส่งผลให้ EURUSD และ GBPUSD ลดลง ซึ่งแสดงความสัมพันธ์เชิงบวก
ยกตัวอย่างความสัมพันธ์เชิงลบระหว่าง EURUSD และ USDCHF โดยใช้สถานการณ์ข่าวการซื้อขายเดียวกัน การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของ Federal Reserve ทำให้ USD แข็งค่าขึ้น ซึ่งหมายความว่า EURUSD ลดลงและ USDCHF สูงขึ้น ซึ่งแสดงความสัมพันธ์เชิงลบ
ระดับความสัมพันธ์ระหว่างคู่สกุลเงินจะแตกต่างกันไป และเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า “ช่วงเวลาดังกล่าว” คู่สกุลเงินยังมี Currency Correlation ตรงตามกลยุทธ์ของเรา
เมื่อสรุปภาพรวมของความสัมพันธ์ของสกุลเงิน หรือ Currency Correlation จะเป็นกรอบพื้นฐานให้เราสามารถใช้ในการตัดสินใจซื้อขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
สรุป
Currency Correction ก็คือ ความสัมพันระหว่างสกุลเงิน 2 คู่ ที่แสดงผลออกมาเป็นบวกหรือลบ สื่อถึงความเชื่อมโยงในการเคลื่อนที่ระหว่างกัน นักเทรดสามารถใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจการเปิดสถานะได้ แต่ความสัมพันธ์ของคู่เงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นควรติดตามข่าวสาร และใช้เครื่องมืออื่น ๆ ช่วยป้องกันความเสี่ยงไปด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก Admiralmarkets
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า
นับถอยหลังสู่ WikiEXPO Dubai 2024
บทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญต่ออนาคตของกฎระเบียบทางการเงินและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
จิตวิทยาการเทรด หรือ Mindset คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่การเรียนรู้กลยุทธ์หรือการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ยังต้องเรียนรู้การจัดการอารมณ์ ความกลัว ความโลภ และความอยากเอาชนะ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ Rande Howell นักจิตวิทยาการเทรดชื่อดัง แนะนำว่า การเปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลว การควบคุมเสียงวิจารณ์ในใจ และการฝึกสมาธิ ช่วยให้เรารับมือกับความไม่แน่นอนในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเทรดที่ดีต้องบาลานซ์ทั้ง ความฉลาดทางปัญญา (IQ) และ ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เพราะการเทรดไม่ใช่แค่การชนะหรือแพ้ แต่คือเกมแห่งความน่าจะเป็น ที่ต้องอาศัยสติ สมาธิ และวินัยเพื่อความสำเร็จในระยะยาว
XM
Tickmill
FXTM
TMGM
FBS
Pepperstone
XM
Tickmill
FXTM
TMGM
FBS
Pepperstone
XM
Tickmill
FXTM
TMGM
FBS
Pepperstone
XM
Tickmill
FXTM
TMGM
FBS
Pepperstone