简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2561 วางแผนกร้าวดันต้นทุนการกู้ยืมให้ถึงระดับ ที่กำหนดในปีหน้า ถือเป็นจุดเปลี่ยนจากต่อสู้การแพร่ระบาดของโควิดไปรับมือกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจผลพวงเงินเฟ้อสูงและสงครามในยูเครน
เมื่อวันพุธ (16 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ เป็นเจ้าหน้าที่เพียงรายเดียวที่ลงมติให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งๆละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปี 2565 ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้ พร้อมคาดการณ์ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2566 แต่จะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2567
ทั้งนี้ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561
เฟดยังส่งสัญญาณปรับลดขนาดงบดุลในการประชุมในอนาคต โดยงบดุลดังกล่าวประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) มูลค่ารวมเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า สงครามในยูเครนและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งในระยะใกล้ ปัจจัยดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ และเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจ แต่การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.8% จากเดิมที่ระดับ 4.0% และคงตัวเลขคาดการณ์ในปี 2566-67 ที่ระดับ 2.2% และ 2.0% ตามลำดับ ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวในระยะยาวที่ระดับ 1.8%
หลังเสร็จสิ้นการประชุมเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดแถลงข่าวแสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และอยู่ในสถานะที่ดีพอที่จะรับมือกับการคุมเข้มนโยบายการเงิน
“การที่อัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมาย 2% อย่างมีเสถียรภาพนั้น อาจต้องใช้เวลานานกว่าคาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจ”
พาวเวลเตือนว่า ผลกระทบจากการที่รัสเซียใช้กำลังทหารโจมตียูเครนนั้น ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความไม่แน่นอนในระดับสูงมาก นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ อันเป็นผลมาจากการรุกรานยูเครนนั้น จะเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อสหรัฐในระยะใกล้นี้
พาวเวลยังกล่าวด้วยว่า ภาวะติดขัดด้านอุปทานเกิดขึ้นในระดับที่รุนแรงและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดหลายระลอกของโรคโควิด-19 ทั้งในสหรัฐและทั่วโลก นอกจากนี้ แรงกดดันด้านราคายังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อราคาสินค้าและการบริการ
ซีมา ชาห์ หัวหน้านักกลยุทธ์บริษัทพรินซิเพิลโกลบอลอินเวสเตอร์ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เฟดรับรู้ัชัดเจนว่าจำเป็นต้องกลับมาจัดการสถานการณ์เงินเฟ้อ ซึ่งไม่ง่ายเลยที่เฟดจะนำพาเศรษฐกิจสหรัฐไปได้อย่างปลอดภัยจากเงินเฟ้อที่สูงขนาดนี้ไม่ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่อาจทำให้เส้นทางของเฟดปั่นป่วน “แต่ตอนนี้เฟดต้องให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของราคาเป็นอันดับแรก”
แถลงการณ์เฟดที่เคยอ้างถึงการระบาดของโควิด-19 มาตลอดว่าเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจใหญ่สุดที่สหรัฐต้องเผชิญ รอบนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดการทำสงครามกับโควิดอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากสองปีที่ผ่านมาเฟดสร้างความเชื่อมั่นกับครัวเรือนและภาคธุรกิจในการเข้าถึงสินเชื่อ แต่รอบนี้เฟดใช้คำมั่นว่า “การขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง” ก็เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปี
แนวทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่หนักหน่วงกว่าคาด สะท้อนความกังวลว่าเงินเฟ้อเพิ่มเร็วและอาจอยู่นานกว่าที่เคยคิดกันไว้ ความหวังของเฟดในการถอนนโยบายฉุกเฉินที่เคยใช้รับมือความเสียหายจากโควิดอาจทำไม่ได้ง่ายๆ
หลังแถลงการณ์เฟด ดัชนีหุ้นสำคัญของสหรัฐขยับขึ้น ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 2.2% ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุสองปี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.002% ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ทะลุ 2.246% สูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค.2562 ทั้งสองตัวก่อนจะร่วงกลับลงมาที่ 1.948% และ 2.188% ตามลำดับ
หุ้นเอเชียวานนี้ (17 มี.ค.) ขึ้นตามหุ้นวอลล์สตรีท ตลาดโตเกียวปิดบวกกว่า 3% เช่นเดียวกับไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย และเวลลิงตัน ส่วนตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ซิดนีย์ โซล มุมไบ และมะนิลาขยับขึ้นกว่า 1%
ด้านหุ้นยุโรปขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด ด้วยนักลงทุนคาดหวังกันมากว่าธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันเพื่อรับมือเงินเฟ้อสูงสุดในรอบหลายสิบปี
ดัชนี FTSE100 ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ขยับขึ้น 0.5% มาอยู่ที่7,330.57 จุด ในยูโรโซน ดัชนี DAX ตลาดแฟรงค์เฟิร์ต เพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่14,500.41 จุด ดัชนี CAC 40 ตลาดหลักทรัพย์ปารีส บวก 0.6% มาอยู่ที่6,628.88 จุด
ทั้งนี้ บีโออีมีกำหนดประกาศอัตราดอกเบี้ยในเวลา 19.00 น. วันพฤหัสบดี (17 มี.ค.) หนึ่งวันหลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยสู้เงินเฟ้อ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
FBS
HFM
FOREX.com
TMGM
VT Markets
FP Markets
FBS
HFM
FOREX.com
TMGM
VT Markets
FP Markets
FBS
HFM
FOREX.com
TMGM
VT Markets
FP Markets
FBS
HFM
FOREX.com
TMGM
VT Markets
FP Markets